ช่วงนี้อาจมีฝนหลงฤดูกลับมาเยือนอีกรอบ ทำให้เกิดปัญหากับการจราจรที่ติดขัด และมีข่าวการเกิดอุบัติเหตุขึ้นหลายครั้ง ซึ่งอาจมีสาเหตุเนื่องจากปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ทัศนวิสัยที่มีฝนตก สภาพถนนลื่น การขับขี่โดยประมาท การขาดความระมัดระวัง รวมทั้งความพร้อมของผู้ขับรถและตัวรถ
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันและลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นบนท้องถนน ผู้ประกอบการขนส่งด้วยรถโดยสารและรถบรรทุก เข้มงวดควรกวดขันและกำชับผู้ขับรถให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง รวมทั้งตรวจสอบอุปกรณ์ส่วนควบ ความพร้อมของรถที่ทำการขนส่งอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง ดังนั้น วันนี้เราเลยอยากพูดถึงปัจจัยสำคัญเรื่องการใช้รถเพื่องานขนส่งที่เป็นเรื่องสำคัญกันครับ
สภาพรถต้องมั่นคงแข็งแรง
สำหรับตัวรถที่ใช้ในการขนส่ง ต้องตรวจสอบสภาพความมั่นคงแข็งแรงและอุปกรณ์และส่วนควบของรถก่อนใช้งานทุกครั้ง เช่น สภาพยางรถ ระบบเบรก เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดจากความบกพร่องของตัวรถ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีรถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ให้ตรวจสอบและใช้อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับยึดตรึงตู้คอนเทนเนอร์ (Twist Lock) รถที่ติดตั้งระบบการทำงานของเครื่องบันทึกข้อมูลการเดินทางของรถ หรือ GPS Tracking ผู้ประกอบการขนส่งต้องรับผิดชอบติดตามการใช้รถอย่างต่อเนื่อง
หากพบว่ามีการกระทำความผิดตามที่กฎหมายกำหนด เช่น ผู้ขับรถใช้ความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ขับรถเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด ให้ดำเนินการแจ้งเตือนไปยังผู้ขับรถทันที ซึ่งในส่วนนี้จะมีศูนย์บริหารจัดการเดินรถระบบ GPS กรมการขนส่งทางบกและสำนักงานขนส่งจังหวัดทุกจังหวัด ดำเนินการกำกับ ดูแล ตรวจสอบตลอด 24 ชั่วโมง หากพบผู้ขับรถกระทำความผิดและผู้ประกอบการขนส่งเพิกเฉยไม่เร่งแก้ไขจะมีความผิดทั้งผู้ขับรถและผู้ประกอบการ
คนขับต้องพร้อม
พนักงานขับรถ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต้องกำชับตรวจตราไม่ให้ผู้ขับรถที่หย่อนความสามารถปฏิบัติหน้าที่ขับขี่รถ โดยต้องมีการตรวจความพร้อมร่างกาย (ความอ่อนเพลีย) ตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ในลมหายใจของผู้ขับรถต้องเป็นศูนย์ (0 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์) ตรวจสารเสพติดให้โทษหรือสารที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทอย่างเคร่งครัด รวมถึงห้ามไม่ให้ผู้ที่ไม่มีใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถ หรือมีใบอนุญาตที่สิ้นอายุแล้ว หรือเป็นผู้ที่อยู่ระหว่างถูกพักใช้ หรือเพิกถอนใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถปฏิบัติหน้าที่ขับรถโดยเด็ดขาด
เถ้าแก่ต้องกำชับคนขับให้ดี
เรื่องนี้สำคัญผู้ประกอบการขนส่งต้องกำชับให้พนักงานขับรถปฏิบัติตามกฎจราจรโดยเคร่งครัด เช่น การขับรถโดยใช้ความเร็วที่เหมาะสม เปิดไฟหน้ารถเมื่อต้องขับรถในพื้นที่ที่มีทัศนวิสัยไม่ดี เพื่อเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็น และให้ทิ้งระยะห่างจากคันหน้า เพราะสภาพถนนที่เปียกลื่น ต้องใช้ระยะทางในการหยุดรถเพิ่มขึ้น ห้ามขับรถโดยประมาทหวาดเสียว หลีกเลี่ยงเปลี่ยนช่องทางเดินรถกะทันหันหรือตัดหน้ากระชั้นชิด ตลอดจนการจอดรถในทางเดินรถหรือไหล่ทาง
ทั้งนี้ หากมีกรณีที่เครื่องยนต์หรือเครื่องอุปกรณ์ของรถขัดข้อง ให้เร่งดำเนินการซ่อมแซมเพื่อนำรถนั้นให้พ้นทางเดินรถโดยเร็วที่สุด โดยให้แสดงเครื่องหมายหรือสัญญาณเตือนในรถคันอื่นสังเกตเห็นได้จากระยะปลอดภัยเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ จากนั้นให้โทรแจ้งอู่ซ่อม หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ให้การช่วยเหลือเบื้องต้นได้ เช่น 1193 ตำรวจทางหลวง, 1146 กรมทางหลวงชนบท และ 1543 สายตรงทางด่วน เป็นต้น
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
- ทำธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ยุคใหม่ ต้องปรับตัวอย่างไร ถึงจะไปรอด
- 5 เรื่องที่ต้องรู้ เมื่อต้องขับขี่ในช่วงฤดูฝน
- จับชีพจรธุรกิจขนส่งปี 65 ผู้ประกอบการต้องกล้าปรับตัว
- ทำธุรกิจขนส่งในเมืองไทย “ปลาใหญ่กินปลาเล็ก” หรือ “ปลาเร็วกินปลาช้า” ต้องแบบไหนถึงได้เปรียบ
อ่านข่าวสารหรือความเคลื่อนไหวในแวดวงนี้ก่อนใครได้ที่นี่
เฟซบุ๊ก : BUS & TRUCK
เว็บไซต์ข่าว : www.BusAndTruckMedia.com
เว็บไซต์งาน : www.BusAndTruckExpo.com