ในยุคที่ราคาน้ำมันมีแนวโน้มขยับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อนื่อง คนในวงการขนส่งคงต้องปรับตัว หรือหากลยุทธ์มาช่วยให้ธุรกิจสามารถเดินหน้าไปได้ วันนี้ เราจึงมีแนวทางในการช่วยท่านประหยัดน้ำมันมาฝาก เนื่องจากการขับรถอย่างถูกวิธีนั้น ถือเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยลดต้นทุนในการขนส่งให้กับธุรกิจของท่านได้ พร้อมทั้งยังเป็นการถนอมรถให้มีอายุการใช้งานที่คุ้มค่ามากยิ่งขึ้นด้วย
โดยมีแนวทาง มีดังนี้
1.อย่าขับรถเร็ว เพราะการขับรถเร็วในการใช้รถทางไกล จะทำให้เปลืองน้ำมันมากขึ้นทั้งๆ ที่ไม่มีความจำเป็น ในกรณีทีท่านขับรถที่มีความเร็ว 80 กม./ชม. ท่านจะประหยัดน้ำมันได้ถึง 10-15 เปอร์เซ็นต์
2.อย่าออกตัวเร็วแบบรถแข่ง เพราะการออกรถเร็วอย่างรุนแรงและรวดเร็ว จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากขณะเดียวกันเครื่องยนต์และชิ้นส่วนต่างๆ สึกหรอเร็วขึ้นเช่นเดียวกัน
3.คาดการณ์ล่วงหน้าขณะขับรถเมื่อใกล้ทางแยกหรือทางม้าลายต่างๆ ควรจะชะลอความเร็วแต่เนิ่นๆ ไม่ใช่ใกล้แล้วจึงค่อยลดความเร็ว และอีกอย่างควรหลีกเลี่ยงการใช้เบรคโดยไม่จำเป็น เพราะการเหยียบเบรคบ่อยๆ นอกจากทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ระบบเบรคทำงานหนักเกินความจำเป็นอีกด้วย
4.วางแผนเส้นทางก่อนการเดินทาง เพื่อหลีกเลี่ยงพื้นที่จราจรติดขัด และเลือกใช้เส้นทางที่เหมาะสม เช่น เทศกาลปีใหม่ หรือสงกรานต์ ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีคนเดินทางเยอะจราจรหนาแน่นกว่าปกติ หากต้องเดินทางไปส่งสินค้าควรเช็คเส้นทางก่อนเพื่อ หาทางเลี่ยง หรือทางลัด ซึ่งนอกจากจะประหยัดเวลาแล้วยังประหยัดน้ำมันได้ด้วย
5.ดับเครื่องทุกครั้งที่มีการจอดรถรอเป็นเวลานาน ซึ่งวิธีนี้นอกจากจะประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงแล้ว ยังช่วยถนอมเครื่องยนต์ไม่ให้ร้อนจัดอีกด้วย
6.การอุ่นเครื่องยนต์ในตอนเช้า ไม่ควรสตาร์ทเครื่องทิ้งไว้นาน ควรอุ่นเครื่องประมาณ 1-2 นาทีก่อนที่จะใช้รถเพื่อให้เครื่องยนต์พร้อม ที่จะทำงานในวันนั้น ซึ่งการอุ่นเครื่องจะทำให้ระบบหล่อลื่นทำงานดีขึ้น ถ้าออกรถอย่างนิ่มนวลไม่รุนแรงก็ไม่ต้องอุ่นเครื่องก็ได้
7.ควรใช้เครื่องปรับอากาศเท่าที่จำเป็น เพราะจะทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้น และจะมีความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้นอีกถึง 10 เปอร์เซ็นต์ หากขับรถในเส้นทางที่มีอากาศปลอดโปร่งหรือวิ่งตามแนวป่าเขาควรปรับลดกระจกลงบ้างเพื่อรับลมธรรมชาติ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้สามารถประหยัดน้ำมันได้เป็นอย่างดี
8.ตรวจวัดลมยางอยู่เสมอ และควรเติมลมยางให้ได้ตามกำหนดมาตรฐานทุกล้อ เพราะถ้าลมยางอ่อนเกินไปจะทำให้หน้ายางมีความเสียดสีมาก ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากเช่นเดียวกัน แต่ถ้าเติมลมยางแข็งเกินไปจะเป็นอันตรายต่อการขับขี่ คือจะทำให้หน้ายางเสียดสีกับพื้นถนนน้อยเกินไปทำให้เกาะถนนได้ดไม่ดี หรืออาจทำให้ยางเกิดระเบิดได้ หากได้รับการสะเทือนมากเวลาขับบนถนนที่ชำรุดเป็นหลุมเป็นบ่อ
9.หมั่นตรวจเช็คและตั้งเครื่องยนต์ตามกำหนด คนขับรถหรือเจ้าของต้องตรวจสภาพของรถ เครื่องยนต์และอุปกรณ์ต่างๆ ให้อยู่ตามมาตรฐานที่กำหนดมาให้ เพราะถ้าอุปกรณ์ต่างๆ ของรถได้ตามมาตรฐาน การใช้น้ำมันก็จะน้อยกว่าสภาพรถที่ไม่ได้อยู่ตามมาตรฐาน
10.ใช้ระบบบริหารงานขนส่ง TMS เพื่อช่วยวางแผนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น วิธีนี้จะสามารถมองเห็นกระบวนการทั้งหมดได้อย่างละเอียด ทัการวางแผนจัดรถและสินค้าตามออเดอร์สั่งซื้อ การจัดสรรเส้นทางวิ่งรถที่ประหยัดค่าใช้จ่ายสูงสุด การติดตามตำแหน่งรถและตรวจสอบพฤติกรรมการขับรถ การตรวจเช็คระบบเครื่องยนต์ของรถเพื่อป้องกันความเสียหายและแจ้งเตือนการบำรุงรักษารถ ซึ่งการำนข้อมูลหรือการแจ้งเตือนเหล่านี้มาช่วยในการวางแผนจะทำให้ลดต้นทุนในการขนส่งได้เป็นอย่างดี
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
- ดูไว้เป็นตัวอย่าง ขับรถบรรทุกวิ่งทางใกล เหนื่อยแล้วไม่พักก็คงต้องเจอแบบนี้
- จับชีพจรธุรกิจขนส่งปี 65 ผู้ประกอบการต้องกล้าปรับตัว
- ทำธุรกิจขนส่งในเมืองไทย “ปลาใหญ่กินปลาเล็ก” หรือ “ปลาเร็วกินปลาช้า” ต้องแบบไหนถึงได้เปรียบ
- 5 ข้อดี เมื่อใช้สื่อเฉพาะทางเจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้รถเพื่อการพาณิชย์ โลจิสติกส์-ขนส่ง
สนับสนุนโดย : NSI นำสินประกันภัย ที่โลจิสติกส์และรถใหญ่ให้ความเชื่อมั่น
อ่านข่าวสารหรือความเคลื่อนไหวในแวดวงนี้ก่อนใครได้ที่นี่
เฟซบุ๊ก : BUS & TRUCK
เว็บไซต์ข่าว : www.BusAndTruckMedia.com
เว็บไซต์งาน : www.BusAndTruckExpo.com