พนักงานขับรถใหญ่ถือเป็นกลไกสำคัญของวงการธุรกิจขนส่ง ซึ่งคนเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตและก้าวหน้าได้ เบื้องต้นต้องมีความรู้เรื่องการตรวจสอบรถก่อนใช้งาน และการขับขี่อย่างความปลอดภัย หรือทักษะการขนถ่ายสินค้าและการเข้าจอด ยิ่งถ้าคนไหนมีความตระหนักเรื่องการขับรถให้ประหยัดน้ำมันด้วยแล้ว ยิ่งนับเป็นความโชคดีของบริษัทขนส่ง เพราะมีส่วนต่อการลดต้นทุนการดำเนินงานของผู้ประกอบการ และทำให้บริษัทมีกำไรเพิ่มมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ยังพบว่าปัจจุบันมีคนสนใจเรียนขับรถใหญ่เป็นจำนวนมาก แต่ด้วยเงื่อนไขหลายอย่างจึงทำให้หลายคนไม่สามารถเรียนได้ เพราะส่วนหนึ่งยังมีข้อจำกัดเรื่องค่าใช้จ่ายในการเรียนที่ค่อนข้างสูง อีกทั้งยังไม่มีหน่วยงานทางภาครัฐเข้ามาช่วยสนับสนุนในเรื่องอุปกรณ์ในการฝึกขับรถใหญ่เท่าที่ควร ซึ่งที่ผ่านมาเรื่องทรัพยากรในการดำเนินงานจะมีเพียงทางสถาบันสอนขับรถเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรถที่ใช้ หรือการลงทุนสร้างสนาม สิ่งเหล่านี้ต้องใช้งบลงทุนมูลค่าสูงเริ่มต้นหลายสิบล้านบาทจึงจะสามารถเปิดดำเนินการสอนได้
อย่างไรก็ตาม แม้ที่ผ่านมาอาจมีคนมองภาพคนขับรถใหญ่ไม่ค่อยดีและมีข่าวเรื่องพฤติกรรมความรุนแรงตามท้องถนนอยู่บ้าง แต่ยังมีหลายคยมองว่าคนขับรถใหญ่เป็นอาชีพที่มีเกียรติและต้องใช้ความสามารถสูง ทั้งยังเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนระบบโลจิสติกส์ของประเทศ ซึ่งส่วนมากถ้าคนขับรถใหญ่ได้รับการอบรมและผ่านการเรียนรู้เพิ่มเติมจากสถาบันสอนขับรถที่มีมาตรฐาน ก็จะเพิ่มคุณภาพในการขับมากยิ่งขึ้น
เพราะในมุมของผู้สอนจากสถาบันสอนขับรถหลายแห่งต่างมองว่า ถ้าคนขับรู้หลักการ รู้ข้อมูล รู้เทคนิค ก็จะมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุน้อย เวลาออกสู่ท้องถนน หรือถ้าใครจบจากสถาบันสอนขับรถที่มีมาตรฐานและมีความน่าเชื่อถือในวงการ ก็จะเป็นที่ต้องการของบริษัทขนส่งรายใหญ่ที่ให้ผลตอบแทนสูง และมีโอกาสที่จะได้งานสูงตามไปด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้น คนที่ผ่านหลักสูตรไปจะต้องได้รับการปลูกฝังให้ขับรถดี มีวินัย มีทักษะ และตระหนักถึงการสร้างความปลอดภัยบนท้องถนนและเพื่อนร่วมทางอย่างเคร่งครัด ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างได้เปรียบเมื่อเทียบกับคนฝึกขับรถเอง เพราะแม้จะสามารถขับรถและทำไปขับขี่ได้แต่อาจไม่ได้เรียนรู้เรื่องหัวใจสำคัญของการขับรถขนส่งอย่างถ่องแท้
ทำความเข้าใจในศักยภาพของรถ
สถาบันสอบขับรถหลายแห่ง มักจะให้คนมีความรู้เกี่ยวกับรถ เพราะเล็งเห็นว่าถ้าคนขับรถไม่ศึกษาและทำ ความเข้าใจรถให้ดี ถึงบริษัทขนส่งจะมีรถรุ่นใหม่หรือทันสมัยเพียงใดก็ไม่สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอาจทำให้เกิดค่าบำรุงรักษาที่เกิดจากการใช้ผิดประเภทหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมมากขึ้น ดังนั้น ผู้ขับรถต้องมีความรู้เกี่ยวกับรถ รวมถึงเทคโนโลยีของรถที่ผลิตขึ้นมาในรุ่นใหม่ตามไปด้วย
ที่สำคัญต้องศึกษาและมีความเข้าใจเรื่องกำลังของเครื่องยนต์ แรงม้า แรงบิดและรอบของเครื่องยนต์ที่เหมาะสมในขณะใช้งาน-ต้องมีความเข้าใจชนิดของเกียร์และการใช้เกียร์ต่าง ๆ ที่ถูกต้อง เช่น การเปลี่ยนเกียร์ที่รอบเครื่องยนต์ต่ำ หรือให้อยู่ในช่วงที่ประหยัดน้ำมันสูงสุด รวมทั้งการใช้เบรกอย่างถูกต้อง เช่น การใช้เบรกไอเสียขณะลงทางลาดชัน และการชะลอรถก่อนทำการหยุดรถเพื่อการประหยัดน้ำมัน เป็นต้น เพื่อให้สามารถขับรถได้อยากถูกวิธีและมีประสิทธิภาพ
แล้วสถาบันสอนขับรถทั่วไปจะสอนอะไรบ้าง
ปัจจุบัน ผู้เข้าฝึกอบรมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติหลักสูตรการสอนขับรถเพื่อการขนส่งจากผู้เชี่ยวชาญจากโรงเรียนสอนขับรถที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก จะให้ความเข้มข้นกับทั้งภาคทฤษฎี (10-20 ชั่วโมง) และภาคปฏิบัติ (20-30 ชั่วโมง)
โดยเรื่องที่ต้องเรียนขับรถภาคทฤษฎีมีคร่าวๆ ดังนี้ 1.ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก กฎหมายว่าด้วยรถยนต์ กฎหมายว่าด้วยการขนส่ง ทางบก และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 2.ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายแพ่งและอาญาที่เกี่ยวข้องกับผู้ขับรถ 3.ความรู้เกี่ยวกับหลักการขับรถอย่างปลอดภัยและการคาดการณ์ 4.ความรู้เกี่ยวกับรถและเครื่องยนต์ การบำรุงรักษา การบรรทุกและการแก้ไขข้อขัดข้องเบื้องต้น 5.ความรู้เกี่ยวกับหน้าที่ผู้ขับรถ มนุษย์สัมพันธ์ และมารยาทในการขับรถ 6.ความรู้เกี่ยวกับการฝึกหัดขับรถเบื้องต้น และ 7.ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับสินค้าและการขนส่งวัตถุอันตราย
ส่วนเรื่องที่ต้องเรียนขับรถภาคปฏิบัติ ประกอบ ด้วย 1.ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับรถและพื้นฐานการขับรถยนต์ (รถเก๋งรถปิกอัพ และรถตู้) 2.การฝึกหัดขับรถยนต์ตามท่าฝึกต่างๆ 3.ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับรถและพื้นฐานการขับรถที่ใช้เพื่อการขนส่งทางบกเบื้องต้น (รถขนาดใหญ่) 4.การฝึกหัดขับรถที่ใช้เพื่อการขนส่งทางบกตามท่าฝึกต่าง ๆ และ 5.การฝึกหัดขับรถนอกสถานที่ตามสภาพถนนจริง
ทั้งนี้ ในปัจจุบันยังเริ่มมีองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะการขับรถอย่างปลอดภัยให้กับคนขับ โดยสร้างศูนย์ฝึกขับรถจำลอง (Simulator) และเครื่องจำลองการขับรถ ให้เป็นเครื่องมือในฝึกการขับขี่สำหรับผู้ขับรถมือใหม่และผู้ต้องการฝึกทักษะการขับรถ โดยนำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้สำหรับการฝึกปฏิบัติด้านการขับรถของพนักงานขับรถทดแทนการฝึกปฏิบัติด้วยรถโดยสารจริง ซึ่งช่วยประหยัดพลังงานเชื้อเพลิงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และลดความผิดพลาดหรืออุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างฝึกปฏิบัติบนท้องถนนอีกด้วย
- ขับรถขนส่งต้องมีทัศนคติขับขี่ปลอดภัย “ไม่เสพ ไม่ซิ่ง ไม่เสี่ยง” เพื่อการเกิดเลี่ยงอุบัติเหตุ
- สัญลักษณ์วัตถุอันตรายท้ายรถบรรทุก ความเสี่ยงและเครื่องหมายที่ควรต้องรู้
- ขับรถขนส่งอย่างไร ให้ประหยัดน้ำมันที่สุดในยุคแบบนี้
- 5 เหตุผลว่าทำไมธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ ถึงเกิดใหม่และเติบโตได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน
อ่านข่าวสารหรือความเคลื่อนไหวในแวดวงนี้ก่อนใครได้ที่นี่
เฟซบุ๊ก : BUS & TRUCK
เว็บไซต์ข่าว : www.BusAndTruckMedia.com
เว็บไซต์งาน : www.BusAndTruckExpo.com