PIPELINE

ในปัจจุบันมีการขนส่งหลากหลายช่องทางสิ่งที่ทุกคนเคยชินอย่างแน่นอนคือการขนส่งทางบก การขนส่งทางอากาศ และการขนส่งทางน้ำ แต่ยังมีการขนส่งอีกรูปแบบหนึ่งที่ไม่ค่อยถูกพูดถึงมากนักแต่มีความสำคัญมาก ๆ ในการขนส่งคือการขนส่งทางท่อหรือที่เรียกกันว่า Pipeline Transportation โดยการขนส่งทางท่อส่วนใหญ่จะใช้กับสินค้าประเภท น้ำประปา น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ เชื้อเพลิง เป็นต้น

ประเทศไทยนิยมใช้ระบบการขนส่งทางท่อสำหรับสินค้าประเภทน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติ เพื่อให้สามารถนำมาใช้ในประเทศได้โดยเส้นทางขนส่งทางท่ออาจจะอยู่บนดิน ใต้ดิน หรือใต้น้ำ ที่สำคัญขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศในประเทศด้วย ส่วนใหญ่ที่เห็นแบบชัด ๆ เลยที่นำการขนส่งแบบท่อมาใช้ คือ  การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) ที่นำการขนส่งด้วยท่อมาใช้เพื่อขนส่ง ลำเลียงน้ำมันเข้ามาให้กับคนในประเทศได้ใช้งาน แต่การขนส่งด้วยท่อก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไป

 

pipeline

 

ข้อดีของ Pipeline

– ประหยัดต้นทุนและเวลาที่ใช้ในการขนส่ง รวมถึงประหยัดค่าแรงเพราะใช้แรงงานคนน้อย

– สามารถขนส่งได้ทุกสภาพภูมิอากาศ เพราะสภาพอากาศไม่ก่อให้เกิดอันตรายและผลกระทบต่อสินค้า

 – สามารถขนส่งได้ไม่จำกัดเวลาและปริมาณ

 – มีปลอดภัยสูง  เพราะลักลอบขโมยได้ยาก

–  สามารถกำหนดเวลาการขนส่งได้แน่นอนชัดเจน

 

ข้อเสียของ Pipeline

–  เหมาะสำหรับสินค้าที่เป็นของเหลวหรือก๊าซเท่านั้น

–  ในการติดตั้งครั้งแรกจะมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง

–  เมื่อเกิดข้อผิดพลาด จะหาจุดผิดพลาดได้ยาก ควรตรวจสอบให้ดีก่อนใช้งาน

–  เมื่อวางท่อหลักไปแล้วไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้อีก

–  ไม่เหมาะกับประเทศที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อยเพราะอาจเกิดความเสียหายกับท่อลำเลียงได้

– ระยะเวลาในการติดตั้งท่อลำเลียงใช้เวลานาน

 

pipeline

อย่างไรก็ตามการขนส่งด้วยท่อหรือ Pipeline  ถือเป็นอีกช่องทางการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ปลอดภัยหากผู้ประกอบการธุรกิจต้องการจะใช้การขนส่งด้วยท่อควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดจากผู้รู้ และคำนึงถึงความเหมาะสมของการใช้งานให้มากที่สุด

 

 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ 

 

โดย…เวโย

อ่านข่าวสารหรือความเคลื่อนไหวในแวดวงนี้ก่อนใครได้ที่นี่

เฟซบุ๊ก : BUS & TRUCK

เว็บไซต์ข่าว : www.BusAndTruckMedia.com

เว็บไซต์งาน : www.BusAndTruckExpo.com

 

 

 

Advertisement