วิศวะ จุฬาฯ จับมือหน่วยงานรัฐฯ ทดสอบระบบ 5G เชื่อมต่อเทคโนโลยีรถรับส่งผู้โดยสาร ไร้คนขับ ยานยนต์แห่งอนาคต พร้อมเพิ่มศักยภาพความปลอดภัยในการเดินทาง

คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดแพลตฟอร์มวิจัยและทดสอบระบบรถรับส่งผู้โดยสารไร้คนขับ (Autonomous Shuttle pod) โดยนำเทคโนโลยี CAV (Connected and Autonomous Vehicle) มาพัฒนาและทดสอบในประเทศไทยเป็นครั้งแรก โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้มีการเปิดตัวรถรับส่งผู้โดยสารไร้คนขับ

.ดร.สุพจน์ เตชวรสินสกุล คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงการเปิดตัวรถรับส่งผู้โดยสารไร้คนขับว่า ได้ร่วมกับหัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมโยธา วิศวกรรมเครื่องกล วิศวกรรมไฟฟ้า และวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ พร้อมตัวแทนจากกรรมการบริหารของคณะฯ ดำเนินการทดสอบความสามารถของรถรับส่งผู้โดยสารไร้คนขับในการตรวจจับวัตถุต่าง ๆ ขณะขับขี่แบบไร้คนขับ เพื่อนำไปพัฒนาการควบคุมรถรับส่งผู้โดยสารไร้คนขับในอนาคต ซึ่งรถประเภทนี้จะใช้รับส่งผู้โดยสารในช่วงต้นและท้ายของการเดินทาง (First-last mile) โดยเชื่อมต่อกับการเดินทางโหมดอื่น ๆ เช่น รถไฟฟ้าขนส่งมวลชน รถเมล์และการเดินทางอื่น ๆ โดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ มีความมุ่งหมายที่จะพัฒนาและนำรถรับส่งผู้โดยสารไร้คนขับมาให้บริการรับส่ง หรือเปิดให้บริการเรียกผ่านแอปไร้คนขับเพื่อช่วยแก้ปัญหาการจราจรในอนาคต

วิศวะ จุฬาฯ จับมือหน่วยงานรัฐฯ ทดสอบระบบ 5G เชื่อมต่อเทคโนโลยีรถรับส่งผู้โดยสาร ไร้คนขับ ยานยนต์แห่งอนาคต พร้อมเพิ่มศักยภาพความปลอดภัยในการเดินทาง

เทคโนโลยีรถไร้คนขับ ยานยนต์แห่งอนาคต เป็นหนึ่งใน 4 ส่วนประกอบสำคัญของยานยนต์สมัยใหม่ ที่ประกอบด้วย C-A-S-E กล่าวคือ Connected, Automated, Shared และ Electric vehicle ซึ่งถ้าเทียบกับส่วนประกอบอื่นแล้ว รถไร้คนขับต้องการความพร้อมและการผนวกรวมในระดับสูงสุด ของทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์และโครงสร้างพื้นฐานทางการสื่อสารและคมนาคม ดังนั้นภายใต้โครงการการทดลองการสื่อสารด้วยระบบ 5G สำหรับรถรับส่งโดยสารไร้คนขับนี้ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ จึงมีความประสงค์เพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและสถาบันการศึกษา เพื่อมาร่วมวิจัยและทดสอบระบบรถไร้คนขับในระดับต่าง ๆ โดยที่ผ่านมาได้รับการสนับสนุนจาก กสทช. และ กทปส. ซึ่งในจุดเริ่มต้นนี้ทีมงานของโครงการเกิดจากความร่วมมือของคณาจารย์ภายในคณะวิศวกรรมศาสตร์จากภาควิชาวิศวกรรมโยธา วิศวกรรมเครื่องกล วิศวกรรมไฟฟ้า และภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ของคณะ

ศ.ดร.สุพจน์ กล่าวต่อว่า อุบัติเหตุทางถนนมีโอกาสลดลงได้หากการพัฒนาเทคโนโลยีรถไร้คนขับประสบผลสำเร็จ การจัดทำการทดลองไม่ได้ช่วยแค่ควบคุมความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นเท่านั้น แต่การทดสอบนี้ยังเป็นการเพิ่มศักยภาพความปลอดภัยในการเดินทางด้วย ซึ่งการทดลองนี้อยู่ภายใต้การดูแลของศูนย์วิจัยยานยนต์และระบบขนส่งอัจฉริยะ (Smart MOB) เป็นศูนย์วิจัยบูรณาการแห่งแรกของคณะวิศวกรรมศาสตร์ ที่มีการศึกษาและพัฒนาด้านระบบขนส่งอัจฉริยะ ยานยนต์ไฟฟ้า ระบบความปลอดภัยทางถนน และการพัฒนาคุณภาพชีวิตด้านการเดินทางขนส่งของสังคมผู้สูงวัยมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556

วิศวะ จุฬาฯ จับมือหน่วยงานรัฐฯ ทดสอบระบบ 5G เชื่อมต่อเทคโนโลยีรถรับส่งผู้โดยสาร ไร้คนขับ ยานยนต์แห่งอนาคต พร้อมเพิ่มศักยภาพความปลอดภัยในการเดินทาง

ทั้งนี้ ศ.ดร.สุพจน์ กล่าวเพิ่มเติมถึงการทดลองครั้งนี้ว่า ศูนย์วิจัยยานยนต์และระบบขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility Research Center) มุ่งหวังให้แพลตฟอร์มรถไร้คนขับที่ได้รับการพัฒนาขึ้นนี้เป็นแพลตฟอร์มกลางเพื่อให้นักวิจัยจากภาควิชาต่าง ๆ หรือแม้แต่จากคณะอื่น เข้ามามีส่วนร่วมใช้ประโยชน์ อันจะเป็นการขยายผลการทดสอบ use case ของรถไร้คนขับเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดต่อผู้บริโภคและผู้ใช้ท้องถนนในอนาคตต่อไป ซึ่งในการจัดงานครั้งนี้ยังได้มีการพูดคุยถึงแนวทางการทดสอบระบบรถไร้คนขับที่จะถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีหลายส่วน ให้สามารถใช้ได้จริงในอนาคต โดยใช้ระบบสื่อสาร 5G มาใช้งานระหว่างรถไร้คนขับกับระบบอื่น ๆ ด้วย

วิศวะ จุฬาฯ จับมือหน่วยงานรัฐฯ ทดสอบระบบ 5G เชื่อมต่อเทคโนโลยีรถรับส่งผู้โดยสาร ไร้คนขับ ยานยนต์แห่งอนาคต พร้อมเพิ่มศักยภาพความปลอดภัยในการเดินทาง

วิศวะ จุฬาฯ จับมือหน่วยงานรัฐฯ ทดสอบระบบ 5G เชื่อมต่อเทคโนโลยีรถรับส่งผู้โดยสาร ไร้คนขับ ยานยนต์แห่งอนาคต พร้อมเพิ่มศักยภาพความปลอดภัยในการเดินทาง

 

 

 

 

 

 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

 

 

โดย…เวโย

 

อ่านข่าวสารหรือความเคลื่อนไหวในแวดวงนี้ก่อนใครได้ที่นี่

เฟซบุ๊ก : BUS & TRUCK

เว็บไซต์ข่าว : www.BusAndTruckMedia.com

เว็บไซต์งาน : www.BusAndTruckExpo.com

 

 

Advertisement