แน่นอนว่าในวงการโลจิสติกส์และภาคการขนส่งตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ “รถบรรทุก” ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญในการสร้างและขยายเครือข่ายทางธุรกิจ และเป็นพาหนะขนส่งที่ผู้ประกอบการส่วนมากนิยมใช้เพราะมีขนาดที่สามารถบรรทุกสินค้าได้ในปริมาณมาก ขนส่งได้อย่างสะดวกรวดเร็ว อีกทั้งเข้าถึงพื้นที่ต่างๆได้อย่างครอบคลุม

ขณะเดียวกัน รถบรรทุกยังเป็นเครื่องมือที่มาพร้อมต้นทุนค่าใช้จ่ายทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น ค่าซ่อมบำรุง ค่าน้ำมัน ค่าอุปกรณ์อะไหล่ ค่าประกันรถ และอื่นๆ อีกมากมาย หากธุรกิจมีขนาดใหญ่ก็จำเป็นต้องใช้รถขนาดใหญ่และจำนวนมากซึ่งยิ่งเพิ่มค่าใช้จ่ายให้กับผู้ประกอบการมากขึ้นเท่านั้น วันนี้เราเลยมีข้อแนะนำที่อยากส่งต่อให้ผู้ใช้รถเพื่อการพาณิชย์ พิจารณาในการเลือกซื้อรถบรรทุก เพื่อความคุ้มค่าและประโยชน์สูงสุดของการใช้งาน ดังนี้

1.เลือกรถบรรทุกที่เหมาะกับการใช้งาน

ธุรกิจในแต่ละอุตสาหกรรมควรเลือกสรรรถบรรทุกที่เหมาะกับลักษณะการใช้งานเป็นอันดับแรก ไม่ว่าจะเป็น ประเภท ขนาด และน้ำหนักของสินค้า ระยะทางการขนส่ง หรือแม้กระทั่งลักษณะการขับขี่ของผู้ขับ เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพรวมถึงเพื่อความปลอดภัยของสินค้า ปัจจุบันแบรนด์รถบรรทุกมอบตัวเลือกสินค้าที่หลากหลายเพื่อความเหมาะสมและประโยชน์สูงสุดของผู้ประกอบการ

ยกตัวอย่าง รถบรรทุกบางค่ายหรือดีลเลอร์บางเจ้าที่ที่สามารถให้ลูกค้าปรับแต่งอุปกรณ์ต่างๆ ของรถบรรทุก (Tailor-made) ได้ทั้งภายนอกและภายในตามความต้องการ ช่วยให้ลูกค้าได้เป็นเจ้าของรถบรรทุกที่มีสมรรถนะ เครื่องยนต์ รวมถึงฟังก์ชันที่ต้องการได้อย่างครบถ้วนเพื่อประโยชน์ต่อการสร้างธุรกิจ และการใช้งาน เป็นต้น

นอกจากนี้ การที่ผู้ประกอบการหรือพนักงานขับขี่ได้มีโอกาสทดลองขับรถบรรทุกจริง (Test drive) นับเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยให้สามารถตัดสินใจเลือกซื้อรถบรรทุกได้ดียิ่งขึ้น หากผู้ประกอบการสนใจรถบรรทุกไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ใดหรือรุ่นใด ควรมีโอกาสได้ลอง Test drive ทดลองขับขี่จริงเพื่อสัมผัสคุณภาพระบบเกียร์และระบบเบรก

 รวมถึงสมรรถนะการขับขี่ของตัวรถ และการยึดเกาะถนน ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจและความสะดวกสบายในการขับขี่ เนื่องจากการขับรถบรรทุกขนส่งสินค้านั้นเป็นการเดินทางทั้งระยะทางใกล้และไกล หากรถบรรทุกมีเทคโนโลยีที่เอื้อให้ผู้ขับขี่สามารถขับได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น อาทิ รถบรรทุกที่มีระบบขับขี่โดยใช้ระยะควบคุมความเร็ว (Cruise control) และระบบการรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า ก็สามารถช่วยลดความเหนื่อยล้าและเพิ่มความปลอดภัยให้กับทั้งผู้ขับขี่และสินค้า

2.สมรรถนะและความคงทนคุ้มค่า

ด้านมาตรฐานการผลิตและเทคโนโลยีของรถบรรทุกก็ถือเป็นหัวใจสำคัญที่กำหนดคุณภาพและอายุการใช้งาน รวมถึงความปลอดภัยในการขับขี่ หากตัวรถและอะไหล่รถบรรทุกผ่านการผลิตและพัฒนาด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงที่มีประสิทธิภาพ ก็จะป้องกันการเสื่อมสภาพและการเกิดสนิมของตัวอะไหล่ ช่วยให้รถบรรทุกมีอายุการใช้งานที่ยั่งยืน และทรงประสิทธิภาพตลอดอายุการใช้งาน สร้างความปลอดภัยทั้งการขับขี่และสินค้าของผู้ประกอบการ และเนื่องจากรถบรรทุกเป็นรถขนาดใหญ่ที่ต้องใช้น้ำมันปริมาณมากในการขนส่งแต่ละครั้งซึ่งเป็นการเพิ่มต้นทุนค่าใช้จ่ายให้กับผู้ประกอบการ

ดังนั้น การเลือกซื้อรถบรรทุกที่มีประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการจนส่งได้ตลอดการใช้งาน ผู้ประกอบการควรคำนึงถึงเทคโนโลยีที่แบรนด์ผู้ผลิตใช้ในการพัฒนารถบรรทุกว่ามีความทันสมัย สามารถการันตีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงสุดด้านการประหยัดพลังงานหรือไม่ ซึ่งปัจจุบันรถบรรทุกจากหลายค่าย ไม่ว่าจะเป็นฝั่งยุโรป ญี่ปุ่น หรือแม้แต่จีน ต่างก็ใช้เทคโนโลยีพัฒนารถบรรทุกให้มีสมรรถนะ ประสิทธิภาพ มีความแข็งแกร่ง ทนทาน ตอบโจทย์ความต้องการใช้งานของผู้ใช้งานหรือผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง

3.การรับประกันและบริการหลังการขาย

สิ่งหนึ่งที่หลายท่านมักพบว่าเป็นปัญหาสำหรับผู้ประกอบการหลายรายหลังจากซื้อรถบรรทุกและนำรถออกจากศูนย์แล้ว คือ บริการหลังการขายที่ไม่ได้มาตรฐานและการรับประกันที่ไม่ครอบคลุมเพียงพอ กลายเป็นการสร้างภาระค่าใช้จ่ายและทำให้ผู้ประกอบการเสียโอกาสทางธุรกิจ เนื่องจากเมื่อรถมีปัญหาแล้วต้องขับรถมาที่ศูนย์บริการด้วยตัวเองและใช้ระยะเวลาหลายวันกว่าจะสามารถนำรถกลับไปใช้งานได้อย่างเดิม

ดังนั้นการพิจารณาเงื่อนไขการรับประกันและบริการหลังการขายให้ถี่ถ้วนก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อรถบรรทุก โดยบริการหลังการขายและการรับประกันควรให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุม ได้มาตรฐานและมีระยะเวลาที่เหมาะสม อาทิ บริการซ่อมและคุ้มครองชิ้นส่วนอะไหล่ บริการบำรุงรักษา และ บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน และระยะเวลาในการรับประกันควรครอบคลุมอย่างน้อย 2 ปี

โดยปัจจุบันค่ายรถบรรทุกหลายค่ายที่จำหน่ายในประเทศไทย เริ่มเห็นความสำคัญของเรื่องเหล่านี้มากยิ่งขึ้น จึงออกนโยบายการรับประกันที่ครอบคลุม ทั้งตัวรถ ระบบขับเคลื่อนและตัวอะไหล่ รวมถึงบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน และการรับประกันคุณภาพของอะไหล่ที่ยาวนานขึ้น รวมถึงบริการ Onsite Service ซ่อมบำรุงรักษาให้บริการถึงที่ทั่วประเทศ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ช่วยลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางเข้าซ่อมบำรุงแต่ละครั้ง รวมทั้งสร้างความมั่นใจและประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า

จะเห็นได้ว่า การเลือกซื้อรถบรรทุกที่มีคุณภาพ รองรับการใช้งานตรงที่ต้องการ และมีบริการหลังการขายที่ได้มาตรฐาน เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมและขยายธุรกิจให้ผู้ประกอบการ นอกจากนี้ รถบรรทุกที่มีคุณภาพสูงจะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถขับรถบรรทุกได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัย เป็นการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของพนักงานขับรถและลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้อีกด้วย

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

 

สนับสนุนโดย : NSI นำสินประกันภัย ที่โลจิสติกส์และรถใหญ่ให้ความเชื่อมั่น

อ่านข่าวสารหรือความเคลื่อนไหวในแวดวงนี้ก่อนใครได้ที่นี่

เฟซบุ๊ก : BUS & TRUCK

เว็บไซต์ข่าว : www.BusAndTruckMedia.com

เว็บไซต์งาน : www.BusAndTruckExpo.com

Advertisement