ในการขับรถมีหลายครั้งที่คนขับเกิดความเครียดขณะขับรถ ไม่ว่าจะมีสาเหตุมาจากรถติด  การขับรถที่นานเกินไปจนสายตาล้า เมื่อยกับการขับรถนาน ๆ ติดต่อกันทั้งคืน หรือ ต้องขับรถให้ทันเวลาเพราะกลัวส่งของล่าช้า ปัจจัยเหล่านี้สามารถทำให้เกิดความเครียดได้ ถึงขนาดที่บางคนมีอาการซึมเศร้า ซึ่งโรคซึมเศร้าเป็นหนึ่งในสภาวะที่เกิดควบคู่ไปกับความวิตกกังวลและโรคเครียดหลังเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนใจ (PTSD)

ยกตัวอย่างในกรณีที่คนขับรถในอเมริกามีความเครียดสะสมจากการขับรถบรรทุก มีหลายรายที่เลือกจะจบชีวิตด้วยการฆ่าตัวตาย ซึ่งอุตสาหกรรมการขนส่งมีอัตราการฆ่าตัวตายสูงเป็นอันดับสี่ ที่พบได้ในช่วงวัยทำงาน

อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้ขับขี่จำนวนมากประสบกับภาวะ PTSD* หรือความวิตกกังวลคือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันบนท้องถนน ยิ่งอยู่ในอุตสาหกรรมขนส่งนานเท่าไร โอกาสที่จะประสบอุบัติเหตุก็จะสูงขึ้นเท่านั้น เพราะการได้เห็นการเกิดอุบัติเหตุบ่อย ๆ  เป็นเรื่องน่าสะเทือนใจอย่างมากและอาจส่งผลให้เกิดภาวะสุขภาพจิตได้

คนขับรถบรรทุกบางคนเผชิญกับความปวดหัวในที่ทำงาน มีสาเหตุมาจากนายหน้าหรือเพื่อนร่วมงานที่ทำงานด้วย บางครั้ง นายหน้าอาจไม่ได้อธิบายรายละเอียดของที่จำเป็นในการรับ-ส่งสินค้า หรือข้อมูลไม่เพียงพอ ก่อนที่จะออกไปส่งสินค้าในแต่ละครั้ง ก่อให้เกิดความหงุดหงิดที่ไม่รู้ข้อมูลทั้งหมด ถึงจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่แต่ทั้งหมดนี้สามารถนำไปสู่ความเครียดต่อคนขับได้ ปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อสุขภาพจิตของคนขับคือ ความกดดันในการส่งของให้ตรงเวลา นอนหลับไม่เพียงพอ และความใจร้อนของคนขับ ล้วนส่งผลต่อสุขภาพจิต

คนขับสามารถป้องกันปัญหาสุขภาพจิตได้อย่างไร

โดยทั่วไปก็สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยเริ่มจาก “เพื่อนร่วมเดินทาง” หากมีเพื่อนร่วมทางที่ดีที่สามารถทำให้คนขับบรรเทาความกดดันหรือความเครียดลงได้ เพื่อนร่วมทางไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นมนุษย์ อาจจะเป็นสัตว์เลี้ยงก็ได้ นอกจากนี้การทำจิตใจสดใสตลอดเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน การฟังเพลงทำให้สมองผ่อนคลายได้ นอกจากนี้เราได้ค้นหาวิธีที่จะบรรเทาความวิตกกังวลของผู้ขับขี่ที่ทำให้การขับรถบรรทุกส่งของไม่เครียดเกินไป

  1. พบปะสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานหรือครอบครัวบ้าง
  2. ในช่วงพักรถโทรหาครอบครัวหรือคุยกับเพื่อนร่วมงาน
  3. ตั้งสติ ควบคุมตัวเองให้อยู่กับปัจจุบันมากที่สุด
  4. ทำกิจกรรมฟื้นฟูจิตใจ เช่น ออกกำลังกาย นั่งสมาธิ ปลูกต้นไม้ ฯลฯ
  5. ฝึกหายใจ การฝึกหายใจเป็นระบบจะสามารถลดความเครียดได้
  6. ก้าวข้ามความคิดลบ ๆ ของคนอื่น
  7. ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
Credit image: Istockphoto

เมื่อต้องเผชิญภาวะ PTSD ควรทำอย่างไร

เนื่องจากเป็นภาวะที่มีต้นเหตุมาจากเหตุการณ์ที่ไม่อาจควบคุมได้ ดังนั้นเมื่อคนขับรถเจอเหตุการณ์ที่กระทบต่อความรู้สึกอย่างรุนแรง แนะนำว่าควรเข้าพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและขอคำปรึกษา พูดคุยกับผู้ที่สามารถรับฟังปัญหาของได้ หากิจกรรมเพื่อบรรเทาความเครียด เป็นต้น ยิ่งเข้ากระบวนการรักษาเร็วเราก็มีโอกาสเป็นภาวะ PTSD น้อยลงตาม

ไม่ว่าอย่างไรก็ตามความวิตกกังวลและความเครียดเกิดได้กับทุกอาชีพ ไม่จำเป็นแค่อาชีพพนักงานขับรถบรรทุกเท่านั้น หลายคนไม่กล้าที่เข้าไปพบแพทย์ ต้องลองเปลี่ยนความคิดใหม่ว่าการเข้าพบจิตแพทย์ไม่ใช่เรื่องน่าอาย เพียงแค่เราทุกข์ใจหรือมีเรื่องราวรบกวนจิตใจที่ถึงขั้นส่งผลต่อชีวิตประจำวันก็สามารถเข้าปรึกษาแพทย์ได้

“เรื่องของการพบหมอจิตเวชเหมือนกับทะเล สิ่งที่พวกเขารับรู้ข้อมูลก็อาจเหมือนหิน โขดหิน แต่ไม่ได้เห็นถึงความสวยงามในทะเลทั้งหมด จริง ๆ แล้ว คนทั่วไปก็สามารถเข้ารับบริการได้ เช่น นอนไม่ค่อยหลับ ไม่สบายใจ เครียด มีปัญหา ไม่มีสมาธิ ก็สามารถมาปรึกษาได้”

แพทย์หญิงปวีณา แพพานิช จิตแพทย์ โรงพยาบาลจิตเวชนครพนมราชนครินทร์

 

เพิ่มเติม: 

PTSD เป็นโรคจิตเภทชนิดหนึ่งที่จะเห็นภาพเหตุการณ์นั้นซ้ำ ๆ ราวกับเครื่องเล่นวิดีโอที่ฉายแต่ภาพเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ทำให้เห็นภาพหลอน

 

อ้างอิงข้อมูลเพิ่มเติมจาก: trucknews.com, petcharavejhospital.comtrinitylogistics.commatichon.co.th

 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

โดย…เทลเลอร์

อ่านข่าวสารหรือความเคลื่อนไหวในแวดวงนี้ก่อนใครได้ที่นี่

เฟซบุ๊ก : BUS & TRUCK

เว็บไซต์ข่าว : www.BusAndTruckMedia.com

เว็บไซต์งาน : www.BusAndTruckExpo.com

 

Advertisement