โครงการนี้เริ่มจากความร่วมมือระหว่างไทย-จีน โดยการก่อสร้างรถไฟทางคู่ขนานนี้ มีระยะทางประมาณ 867 กม. โดยเริ่มจากเส้นทางกรุงเทพฯ-แก่งคอย-นครราชสีมา-หนองคายและเส้นทางแก่งคอย-มาบตาพุด เป็นการยกระดับพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคอื่น ๆ ของไทยด้วย

คุณปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข ผู้บริหาร บริษัท Civil Engineering ได้ให้ข้อมูลว่าโครงการรถไฟความเร็วสูง 2-1 สีคิ้ว-กุดจิก เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของ Civil Engineering อย่างมาก เนื่องจากโครงการนี้เสร็จก่อนระยะเวลาที่กำหนดไว้ถึง 8 เดือน  เป็นความมุ่งมั่นที่เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เป็นการแสดงถึงศักยภาพของบริษัท

โครงการ 2-1 มีระยะทางทั้งหมด 11 กิโลเมตร มีจุดตัดทั้งหมด 8 จุด ใช้เวลาเดินการก่อสร้างทั้งหมด 740 วัน โดยแบ่งเป็นทางราบบนดิน 7 กิโลเมตร และทางยกระดับ 4 กิโลเมตร และในช่วงของทางยกระดับมีความสูงที่สุดอยู่ที่ 27 เมตร

ใการก่อสร้างทางรถไฟนั้น Civil engineering เป็นบริษัทที่คำนึงถึงชุมชนและพยายามทำให้การก่อสร้างสามารถดำเนินร่วมกับชุมชนได้ จึงมีการสร้างทางน้ำที่อยู่ในส่วนของโครงการ 2 จุด เป็นการช่วยเหลือให้ชาวบ้านในชุมชนโคกสะอาดสามารถสัญจรได้อย่างสะดวก และสามารถปลูกข้าวได้แม้จะมีการก่อสร้างทางรถไฟก็ตาม ในส่วนของการก่อสร้างที่ยากที่สุด คุณปิยะดิษฐ์ บอกว่า ช่วง DK 222+000 เป็นจุดที่กังวลมากเนื่องจากเป็นจุดที่ติดชุมชนแต่โชคดีที่ว่าตั้งแต่ที่ทำมาไม่เคยเกิดอุบัติเหตุเลยสักครั้ง เพราะบริษัทเองก็รักษาความปลอดภัยให้กับชุมชนอย่างดี

ละถ้าหากถามว่าเมื่อโครงการนี้เสร็จแล้วประชาชนจะได้อะไรจากตรงนี้บ้าง แน่นอนว่าเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยรถไฟความเร็วสูงสายนี้จะนำความเจริญเข้ามาสู่ไทยมากขึ้น เป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับคนทั่วไปที่ต้องการเดินทางเข้าสู่ภาคอีสาน อีกทั้งยังเป็นการเชื่อมเส้นทางระหว่างประเทศลาว ประเทศจีน และประเทศไทย เพื่อการกระตุ้นให้ผู้คนเข้ามาท่องเที่ยวมากขึ้น และสุดท้ายจะเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในประเทศให้เดินทางสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

ขณะนี้โครงการรถไฟความเร็วสูง 2-1 ช่วงสีคิ้ว-กุดจิก มีความคืบหน้าไปแล้ว 95% เหลือเพียงแค่การเก็บงานเล็กน้อย อาจจะใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือนก็จะเสร็จสมบูรณ์ และในอนาคตทางบริษัทอาจจะมีการรับโครงการ 4-7 มาทำด้วย

ในแง่ของการดำเนินธุรกิจบริษัท Civil Engineering ถือว่าเป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญและใส่ใจบุคลากรเป็นอย่างมาก นอกจากจะมีการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีแล้ว เรื่องของการบริหารโครงการก่อสร้างที่มีมาตรฐานที่สูง คำนึงถึงความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก และในปีนี้คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ 20-30% หรือ 6,000-6,500 ล้านบาท

ปัจจุบันบริษัทได้แบ่งสัดส่วนความรับผิดชอบธุรกิจออกเป็น การก่อสร้างทางรถไฟและรถไฟฟ้าความเร็วสูง 46% งานทาง 41% งานก่อสร้างสนามบิน 2% งานเขื่อนและระบบน้ำ 1% และงานอื่น ๆ อีก 10% โดยการดำเนินงานทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่า Civil เป็นผู้นำด้านวิศวกรรมโยธาที่ใช้เทคโนโลยีก่อสร้างแบบครบวงจรที่เป็นชั้นนำของไทยตัวจริง

 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

โดย…เทลเลอร์

อ่านข่าวสารหรือความเคลื่อนไหวในแวดวงนี้ก่อนใครได้ที่นี่

เฟซบุ๊ก : BUS & TRUCK

เว็บไซต์ข่าว : www.BusAndTruckMedia.com

เว็บไซต์งาน : www.BusAndTruckExpo.com

 

Advertisement