หากคุณเป็นช่างซ่อมรถหรือคนที่เข้าออกอู่ซ่อมรถบ่อย ๆ คุณอาจจะเคยได้ยิน “อะไหล่ POP” อะไหล่ซ่อมรถที่อยู่คู่กับคนไทยมากว่า 30 ปี ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของประเทศไทย ก็ยังเจออะไหล่ POP บางคนเคยสงสัยไหมว่าทำไมอะไหล่แบรนด์นี้ถึงมีอยู่ทั่วแทบทุกที่ และมีเคล็ดลับอะไรที่ทำให้อะไหล่ POP ครองใจช่างไทยมาตลอดไม่เปลี่ยนแปลง
วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับทายาทรุ่นที่สองของ บริษัท ชลิต อินดัสทรี จำกัด โดยทางทีมได้รับโอกาสได้พูดคุยกับ คุณซัน-ชวิศ ยงเห็นเจริญ กรรมการผู้จัดการบริษัท และคุณรี่-วิมลลักษณ์ ยงเห็นเจริญ กรรมการบริษัท สองพี่น้องมากความสามารถที่จะมาเผยเรื่องราวของธุรกิจในวงการอะไหล่รถและการบริหารที่สานต่อมาจากคุณพ่อ จนกลายเป็นบริษัท ชลิต อินดัสทรี จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชิ้นส่วนประกอบรถยนต์รายใหญ่ในประเทศไทยจนถึงปัจจุบัน
เริ่มจากตลาด REM สู่ตลาดส่งออก
คุณซันเล่าว่า “จริง ๆ แล้วถ้ามองย้อนกลับไป บริษัทของเราก่อตั้งมา 30 ปีแล้วครับ เราเริ่มจากการผลิตตัวอะไหล่รถยนต์ ส่วนใหญ่เราจะผลิตเป็นพวกอะไหล่รถยนต์ ยางล้วน ยางติดเหล็ก และพวกกันกระแทกต่าง ๆ ครับ เราเริ่มต้นจากการที่เราทำตลาด REM มีตัวแทนขายก่อน พอช่วงประมาณ 5 ปีให้หลัง เรามีการดีลกับบริษัทยานยนต์มากขึ้นและมีการส่งออกเพิ่มมากขึ้นครับ”
แม้จะได้รับผลกระทบจากโควิด แต่ธุรกิจยังคงเติบโตขึ้น
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหลายบริษัทได้รับผลกระทบจากโควิดค่อนข้างมาก แต่คุณซันได้ตอบกับเราว่า “ในช่วงโควิดที่ผ่านมาเราไม่ได้รับในผลกระทบในด้านยอดขาย เนื่องจากมีการแบ่งสายงานของลูกค้าอย่างชัดเจน อาทิ กลุ่มลูกค้าตลาดยานยนต์ กลุ่มลูกค้าตลาดอะไหล่ และกลุ่มลูกค้าตลาดส่งออก ช่วง 2 ปีที่ผ่านมากลุ่มที่เราผลิตให้กับยานยนต์อาจจะมีการลดลงบ้างตามสภาพของตลาด แต่กลับกันในกลุ่มของการส่งออกมีการเติบโต เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่ากลุ่มยานยนต์จะลดลง แต่ยังมีกลุ่มอื่น ๆ ที่พอทำเนาถือว่าเติบโตไปในเกณฑ์ที่น่าพอใจ”
ปัญหา “เงินเฟ้อ” เราแบกรับส่วนนั้นไว้ เพื่อไม่ให้กระทบต่อลูกค้า
นอกจากโควิดที่จะส่งผลกระทบแล้ว เงินเฟ้อก็มีส่วนที่ทำให้ต้นทุนสูงขึ้นตามเช่นกัน คุณซันกล่าวว่า “ถ้าในมุมของการใช้อะไหล่เงินเฟ้อไม่ได้กระทบการใช้เท่าไร ตราบใดที่รถยังวิ่งอะไหล่ย่อมมีการสึกหรอตามระยะทางและระยะเวลาที่วิ่ง ยังไงมันก็ต้องถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนอยู่แล้ว แต่ถ้าเรื่องของเงินเฟ้อจะมีผลต่อเรื่องของอัตราเกณฑ์แลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศมากกว่า และมีผลกระทบของเรื่องต้นทุน ในช่วงที่ผ่านมามีการปรับเรื่องของอัตราต้นทุน ถึงแม้ว่าต้นทุนจะสูงขึ้น แต่เราก็พยายามตรึงราคาสินค้าให้เท่าเดิม ไม่ปรับราคาขายลูกค้า ต่อให้สูงขึ้นเราก็แบกรับส่วนนั้นไว้เพื่อไม่ให้มันส่งผลกระทบต่อลูกค้า อย่างที่กล่าวมาว่าส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของอัตราของเงินแลกเปลี่ยนมากกว่าครับ”
จุดเด่นของแบรนด์ POP คือการให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้า
เมื่อถามถึงจุดเด่นของแบรนด์ คุณซันกล่าวว่า “เรามีประสบการณ์มา 30 ปี เรามีสินค้าประมาณ 6,000 พันรายการ มีให้เลือกมากมายหลากหลายกว่าแบรนด์อื่น ๆ เรามีการตีคอมพาวด์ยางเอง มีกระบวนการ QC ที่ทำให้ยางสม่ำเสมอ เราสามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าในต่างจังหวัดและต่างประเทศได้ตรงที่ลูกค้าต้องการให้ยางมีคุณสมบัติเฉพาะ ให้เหมาะสมเพื่อที่เขาจะเอาไปขาย เราก็สามารถตีคอมพาวด์ขึ้นมาเพื่อทำให้ลูกค้าได้ ผมมองว่าตรงนี้เป็นจุดเด่นของเรา และที่สำคัญพนักงานของเรามีทั้ง know how และ knowledge ในส่วนของ know how คือพนักงานของเราอยู่กับเรามาหลายสิบปี เขาสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าจากประสบการณ์ได้ ในตอนนี้เราได้มีการเพิ่มระบบและร่วมงานกับต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งเราได้มีการเติม knowledge ให้กับพนักงานของเราครับ”
คนเลือกใช้รถเดิมมากกว่าซื้อรถใหม่ ทำให้แนวโน้มตลาดอะไหล่เติบโต
คุณซันกล่าวว่า “ในมุมมองของอะไหล่รถยนต์ มันขึ้นตามจำนวนของรถยนต์ที่การซื้อสะสมอยู่แล้ว เป็นรถที่มีการซื้อไปและสะสมขึ้นไปเรื่อย ๆ ตราบใดที่รถยังวิ่งอยู่ อะไหล่ของรถยนต์ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว ไม่ว่าจะถึงระยะทางครบดีล หรือว่าเมื่อถึงระยะเวลาที่ควร เพราะฉะนั้นเราเลยมองว่ากลุ่มอะไหล่รถยนต์มีการเติบโต เนื่องจากคนส่วนใหญ่ไม่ได้ซื้อรถเพิ่ม แต่เลือกที่จะใช้รถเดิมและซ่อมมากกว่า เพราะฉะนั้นเรายังมองว่ามีอัตราการเติบโตและส่วนใหญ่อะไหล่ไทยมีการส่งออกไปต่างประเทศด้วย เนื่องจากเราเองก็มีขุมทรัพย์ที่เป็นไร่ยางพารา ผลิตภัณฑ์เด่น ๆ เลยคือผลิตภัณฑ์ที่มาจากยางพารา ดังนั้นในมุมมองของลูกค้ากลุ่มอาหรับก็ให้ความสนใจตัว Rubber part เนื่องจากคุณภาพยางที่อื่นอาจจะไม่ได้เทียบเท่ายางของไทย
และคุณรี่ยังพูดเสริมช่วงท้ายอีกว่า “ถ้าโลจิสติกส์ขยายมากเท่าไร ตลาดของเราก็ขยายตามโลจิสติกส์ไปด้วยค่ะ”
ชลิตมีผลิตภัณฑ์ที่อยากนำเสนอเป็นพิเศษหรือไม่
เมื่อเราถามว่าอยากนำเสนอผลิตภัณฑ์ตัวไหนเป็นพิเศษหรือไม่ คุณซันยิ้มและกล่าวว่า “จริง ๆ แล้วผลิตภัณฑ์ของเรามีหลายหมวดหมู่มากเลยครับ ทำให้หลาย ๆ แบรนด์ด้วย เรามีสินค้ามากกว่า 20 หมวดหมู่ ยกตัวอย่างยางเพลากลาง ทุกรถทุกยี่ห้อย่อมมียางเพลากลางใช่ไหมครับ เราเองก็มียางเพลากลางหลากหลายแบรนด์”
คุณรี่เสริมต่อว่า “พูดง่าย ๆ ว่าเกือบทั้งหมดของรถญี่ปุ่นเลยค่ะ เรามีทั้งหมดของรถเลยก็ว่าได้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นรถกระบะ รถบรรทุก รถแท็กซี่ หรือแม้กระทั่ง passenger car เราค่อนข้างครอบคลุม”
คุณซันกล่าวต่อว่า “ดังนั้นด้วยความที่เรามีผลิตภัณฑ์หลายตัว ถ้าพูดเพียงแค่ตัวเดียวตัวอื่น ๆ ก็อาจจะน้อยใจได้ครับ (หัวเราะ) ถ้าให้พูดจริง ๆ ก็ product champion ทุกตัวครับ (ยิ้ม) แต่มันก็แล้วแต่กลุ่มลูกค้า อย่างแท็กซี่ก็มีการเปลี่ยนบ่อยเนื่องจากรถพวกเขาต้องใช้วิ่งตลอด เรียกได้ว่าผลิตภัณฑ์ของเราแทบจะครอบคลุมทุก ๆ วงการของอะไหล่รถเชิงพาณิชย์เลยครับ”
ปัจจุบันมีการผลิตหรือส่งออกไปต่างประเทศบ้างไหม ?
คุณซันกล่าวว่า “มีครับ เรามีสัดส่วนส่งออกในประเทศ 70% ต่างประเทศ 20% OEM 10% อย่างแถบตะวันออกกลาง เราส่งออกไปที่เคนยา อียิปต์ ในแถบบ้านเราก็จะมี เขมร ลาว พม่าและเวียดนามครับ ถ้าในแถบที่ไกลมาก ๆ จะมีมอริเชียสและบังกลาเทสครับ เราเคยส่งตัวห้องเครื่องไปรัสเซียด้วยครับซึ่งอากาศเย็นมาก ๆ”
ปัจจุบัน ชลิต อินดัสทรี มีตัวแทนจำหน่ายกี่ที่ ?
คุณซันกล่าวว่า “เรามีตัวแทนจำหน่ายประมาณ 800 เจ้า ทั่วประเทศครับ ถ้าพูดถึงในกลุ่มของ REM นะครับ เราพยายามขยายจากส่วนภูมิภาคไปยังส่วนของจังหวัดและพยายามจะขยายไปในส่วนของอำเภอครับ ให้สามารถย่อยลงไปได้อีก หากพูดถึงกลุ่มของ OEM ที่เป็นงานส่งออก เราเองก็ได้มองถึงประเทศที่กำลังจะพัฒนาเช่นกันอย่างเช่นพวก จีน และ อินเดีย แต่อาจจะต้องรอให้ช่วงโควิดเบาลงครับ”
พูดถึงตัวโรงงาน ชลิตแห่งใหม่ที่สมุทรสาคร
คุณซันเล่าว่า “ที่นี่เป็นโรงงานที่ 4 ถ้าไล่ตาม Time Line เริ่มต้นอยู่ที่วงเวียน 22 แถวเยาวราช เป็นตึกแถวเล็ก ๆ ที่คุณพ่อและคุณแม่เริ่มกันมา จากนั้นย้ายมาอยู่แถวเจริญราชจากที่ 2 คูหา ก็กลายเป็น 8 คูหา ซึ่งมันยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าและตลาดที่โตอย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงมีแผนพัฒนาและสร้างโรงงานแห่งใหม่ขึ้นเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ ดังนั้นด้วยความที่มีการเพิ่มของจำนวนการผลิตและพนักงาน บวกกับสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ด้วย ที่เหมาะกับการขยายเลยเลือกที่ย้ายออกมาที่นี่ครับ”
คุณรี่เสริมต่อว่า “โรงงานใหม่นี้มีพื้นที่ประมาณ 13 ไร่ ซึ่งเราจะมีการนำนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามาใช้เพื่อพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพสูง มีความทันสมัย และส่งถึงมือลูกค้าได้เร็วขึ้นค่ะ เรามีกระบวนการผลิตที่เป็นมาตรฐานสากล ซึ่งได้รับใบรับรองกระบวนการผลิตจากสถาบันต่าง ๆ ดังนั้นการขยายโรงงานทำให้เราได้ขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งการเพิ่มฐานลูกค้าในส่วนของการรับจ้างผลิตควบคู่ไปด้วยค่ะ”
ไม่ว่าจะลูกค้ากลุ่มไหนก็มาตรฐานเดียวกัน
คุณซันกล่าวว่า “ในมุมของตลาด REM เรามีมาตรฐานที่รองรับอย่าง IATF 16949 ที่คล้ายกับ ISO เรามี มรท. และเรามี Green industry ด้วย สิ่งเหล่านี้คือมตราฐานที่เป็นจุดเด่นของเราที่เป็น REM ต่างจากทั่วไป เราก็พยายามที่จะทำให้คุณภาพของ REM เป็นมาตรฐานเดียวกับ OEM เราพยายามปรับปรุงมาตรฐานตลอด เราไม่ได้คิดที่จะหยุดพัฒนาตัวเอง อะไรที่ควรจะมีเราก็ได้ศึกษาแล้วนำมาทำ จุดเด่นของเราอีกอย่างคือ ถ้าพูดถึง บริการหลังการขาย ลูกค้าที่อยู่ในกรุงเทพและปริมณฑลสั่งสินค้ามาตอนเช้า ตอนบ่ายสินค้าของเราต้องถึงมือผู้บริโภค”
คุณรี่กล่าวปิดท้ายว่า “สินค้าของเรามีสต๊อกไว้ตลอด เรียกว่า Ready To Ship เลย หากต้องส่งไปเชียงราย ช้าสุดคือพรุ่งนี้ลูกค้าต้องได้สินค้าแล้วค่ะ เราดูแลลูกค้าจนจบ ถ้ามีปัญหาอะไรเราก็พร้อมเข้าไปซัพพอร์ตลูกค้าตลอดค่ะ”
ฝากความเชื่อมั่นถึงกลุ่มลูกค้าที่อยู่กับชลิตมาตลอด 30 ปี
สุดท้ายก่อนจากกันเราขอให้ทั้งสองคนฝากความมั่นใจถึงกลุ่มลูกค้า คุณซันกล่าวว่า “หัวใจหลักของเราคือคุณภาพ ลูกค้าทั้งสามกลุ่มเองก็มีความต้องการไม่เหมือนกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือคุณภาพและราคาของสินค้าครับ สิ่งต่อมาคือเราสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้มากน้อยแค่ไหน เช่น กลุ่ม OEM ต้องการใบรับรองหรือระบบการทำงานที่มีคุณภาพ ไม่ได้มองเพียงแค่ตัวผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่กลุ่ม OEM บางกลุ่มเริ่มมองไปถึงสิ่งแวดล้อม มีการบำบัดของเสียที่ถูกต้องไหม ต่อมาในมุมมองของ REM ก็มองในเรื่องของราคาและความเร็วในการส่งของ ในส่วนของกลุ่มต่างประเทศจะต้องมีเรื่องของเอกสารต่าง ๆ ที่เราต้องเดินให้ ถ้ามองโดยรวมจริง ๆ แล้วไม่ว่าจะเป็นลูกค้ากลุ่มไหน เราไม่ได้แบ่งว่าเป็นลูกค้ากลุ่มนี้ต้องใช้ผลิตภัณฑ์แบบไหน เราใช้ผลิตภัณฑ์ตัวเดียวกันทุกอย่างเลย มาตรฐาน QC เหมือนกัน”
คุณรี่เสริมต่อว่า “ลูกค้าบางส่วนที่อยู่กับเรามาเกือบ 30 ปี ก็มีความเชื่อมั่นในตัวเราอยู่แล้ว เพราะเราให้ความซื่อสัตย์ลูกค้ามาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมสินค้า บริการหลังการขาย หรือการแก้ปัญหา บางรายที่มีปัญหาขัดข้องก็มีการผ่อนปรน หรือเยียวยา”
คุณซันกล่าวปิดท้ายว่า “เรามองว่าพวกเขาคือพันธมิตรมากกว่าครับ พวกเขาอยู่กับเราตั้งแต่วันที่เราเริ่มเปิดกิจการ เราเติบโตไปด้วยกัน ผมมองว่าเราเป็นบริษัทไทยที่ไม่ได้น้อยหน้าพวกบริษัทต่างชาติเลย สุดท้ายผมเชื่อว่าความมั่นใจ เราได้มาจากลูกค้าตลอด 30 ปีที่ผ่านมาครับ”
ผู้ประกอบการและลูกค้าที่สนใจชิ้นส่วนประกอบรถยนต์และอะไหล่ยางคุณภาพ ภายใต้แบรนด์ “POP” สามารถสอบถามรายละเอียด ได้ที่ร้านอะไหล่รถยนต์ชั้นนำ ตัวแทนจำหน่าย หรือเยี่ยมชมที่เว็บไซต์ chalitindustry.com หรือโทร. 02 8026400 หรือ Email: [email protected]
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
- เสริมสร้างให้ทุกการเดินทางของคุณเป็นไปอย่างมั่นคง ด้วยอะไหล่จาก “POP”
- กุญแจสำคัญในการจัดการและควบคุมความเสี่ยงด้านโลจิสติกส์
- แก้ได้! แค่มีสติถ้ารถขนส่ง ยางแตก ยางระเบิด ล้อหลุด
โดย…เทลเลอร์
อ่านข่าวสารหรือความเคลื่อนไหวในแวดวงนี้ก่อนใครได้ที่นี่
เฟซบุ๊ก : BUS & TRUCK
เว็บไซต์ข่าว : www.BusAndTruckMedia.com
เว็บไซต์งาน : www.BusAndTruckExpo.com