เมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ ขร. ลงพื้นที่ก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง เพื่อติดตามความก้าวหน้างานก่อสร้าง การเชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชนอื่น ๆ เพื่อเตรียมเปิดให้บริการเดินรถ
ในการลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นการสำรวจความคืบหน้าสถานีใต้ดินของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่สถานี รฟม. ที่มีศูนย์การเรียนรู้ของ รฟม. และสถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เป็นจุดเชื่อมต่อกับสถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน
จากนั้นได้เดินทางต่อไปยังโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่สถานีกลันตัน เพื่อสำรวจความคืบหน้าโครงการ และทดสอบการเดินจากสถานีกลันตัน ไปยังสถานีศรีอุดม และเดินทางกลับโดยแวะจอดที่สถานีศรีนครินทร์ ก่อนจะเดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทางที่สถานีกลันตัน โดยใช้ความเร็วในการเดินรถประมาณ 25 กิโลเมตร/ชั่วโมง และการทดสอบเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ปัจจุบันการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าทั้ง 2 สาย มีความคืบหน้าในภาพรวม 94.56% แบ่งเป็นงานโยธา 94.99% และงานระบบรถไฟฟ้า 93.99% และรถไฟฟ้าสายสีส้มมีความคืบหน้าด้านงานโยธา 95.94%
สำหรับปัญหาและอุปสรรคที่พบในการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการขาดแคลนแรงงานจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งทาง รฟม. ก็ได้เร่งผู้รับสัมปทานให้ดำเนินการก่อสร้าง เร่งคืนพื้นผิวจราจร เพื่อให้เปิดเดินรถได้ ที่สำคัญได้มีการกำชับให้ผู้รับสัมปทานปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากการก่อสร้าง และอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้สัญจรบนท้องถนนอีกด้วย
ปัจจุบันขบวนรถไฟฟ้าสายสีเหลืองถึงศูนย์ซ่อมบำรุงแล้ว 28 ขบวน อยู่ที่แหลมฉบัง 1 ขบวน และอยู่ระหว่างส่งจากแหล่งผลิตในต่างประเทศอีก 1 ขบวน และมีแผนกำหนดการทดสอบเดินรถเสมือนจริง เริ่มภายในเดือนตุลาคม 65 ก่อนจะเปิดให้บริการบางช่วง ตั้งแต่สถานีภาวนา ถึงสถานีสำโรง ในเดือนมกราคมปี 66 และเปิดให้บริการเต็มรูปแบบ ทุกสถานี ในเดือนมิถุนายน 66
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
- กรมเจ้าท่า เร่งขุดลอกร่องน้ำ รองรับน้ำหลากช่วงฤดูฝน พื้นที่ลุ่มน้ำภาคเหนือ 6 แห่ง
- ฝนตกใหม่ ทำไมถนนถึงลื่นจนเกิดอุบัติเหตุ
- ธนัชวิชญ์ ชูรถบัสสแกนเนียมาตรฐานที่ Miss Universe Thailand 2022 เลือกใช้
โดย…เทลเลอร์
อ่านข่าวสารหรือความเคลื่อนไหวในแวดวงนี้ก่อนใครได้ที่นี่
เฟซบุ๊ก : BUS & TRUCK
เว็บไซต์ข่าว : www.BusAndTruckMedia.com
เว็บไซต์งาน : www.BusAndTruckExpo.com