ในช่วงเทศกาลไม่ว่าจะสงกรานต์หรือปีใหม่ แน่นอนว่าใครหลายคนต้องขับรถข้ามจังหวัดเพื่อกลับไปหาครอบครัว ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวถือเป็นช่วงที่มีความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน และหนึ่งในสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุอย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้ว คือ  “หลับใน”  ซึ่งถือเป็นภาวะของร่างกายที่เข้าสู่ภาวะหลับตื้นโดยไม่ตั้งใจ สาเหตุส่วนใหญ่มักมาจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือในบางครั้งอาจเป็นสัญญาณของโรค และผลข้างเคียงจากยา หรืออาจมาจากพฤติกรรมการนอนหลับพักผ่อนที่เหมาะสมนั่นเอง

ทั้งนี้ หลายคนมักมองข้ามและไม้ตระหนักถึงภาวะหลับใน เพราะคิดว่าสามารถควบคุมความง่วงขณะขับรถได้ ทั้งที่ความจริงแล้วความง่วงสามารถทำให้หลับกลางอากาศหรือเกิดภาวะหลับในได้ ซึ่งภาวะหลับในจะเป็นอาการสับสนระหว่างการหลับและตื่น โดยอาจเกิดเป็นการวูบหลับอย่างเฉียบพลันแบบไม่ทันตั้งตัวในช่วงเวลา 1 – 2 วินาที ซึ่งสามารถก่อให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้

สัญญาณเตือนว่าคุณอาจจะหลับใน

อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่า “หลับใน” เป็นสภาวะสับสนระหว่างการหลับและตื่น ซึ่งจะเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันโดยไม่ทันตั้งตัว ดังนั้น หากกำลังขับรถแล้วรู้สึกว่ามีอาการเหล่านี้ นั่นหมายความว่าอาจนำไปสู่อันตรายหรือหายนะ และอาจเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนจนเกิดความสูญเสียได้ ซึ่งควรพึงระวัง ดังนี้

  1. หาวบ่อยและต่อเนื่อง
  2. ลืมไปว่าขับผ่านอะไรมา ในช่วง 2-3 กิโลเมตร
  3. กะพริบตาถี่ ๆ ลืมตาไม่ขึ้น
  4. มองข้ามสัญญาณไฟและป้ายจราจร
  5. ใจลอยไม่มีสมาธิ
  6. รู้สึกหนักศีรษะ หงุดหงิด กระวนกระวาย
  7. ขับรถส่ายไปมาหรือออกนอกเส้นทาง

พฤติกรรมการนอนมีความสำคัญ ช่วยป้องกันการหลับในได้

1.การอดนอน 

การนอนน้อยและนอนไม่พอ หรือนอนต่ำกว่า 7 ชั่วโมงต่อวัน จะเพิ่มความเสี่ยงในการหลับใน เนื่องจากสมองบางส่วนอาจหยุดทำงานชั่วคราว ส่งผลให้เกิดภาวะง่วงเฉียบพลัน และงีบหลับแบบไม่ได้ตั้งตัวจนเกิดภาวะหลับในได้

2.เปลี่ยนเวลานอนบ่อย 

การนอนไม่เป็นเวลาจะส่งผลให้สมองมึนงงและทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะสมองเสื่อม เพราะปกติสมองจะจำเวลานอนและเกิดความง่วงในเวลานั้น หากเปลี่ยนเวลาเข้านอนบ่อยครั้ง จะทำให้เวลานอนไม่ง่วง นอนได้น้อยลง และหลับไม่เต็มอิ่ม เช่น ช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์เข้านอนดึกมากหลังตี 4 ไปตื่นอีกทีเที่ยงวัน ส่วนวันธรรมดาเข้านอนตอน 3 ทุ่ม แล้วตื่นนอนตี 5 เป็นต้น

2.เวลาการนอนไม่ปกติ

คนที่มักนอนดึกตื่นสาย จะได้รับผลเสียต่อร่างกาย คือ ฮอร์โมนเกิดการเปลี่ยนแปลง รู้สึกอ่อนเพลีย นอนไม่เต็มอิ่ม เช่น คนที่เข้านอนตี 5 แล้วตื่นนอนบ่ายโมง คุณภาพการนอนอาจไม่ดีเท่ากับคนที่เข้านอนตอน 4 ทุ่ม แล้วตื่นนอน 6 โมงเช้า เป็นต้น

 

ไม่อยากเสี่ยงหลับในทำอย่างไรได้บ้าง ?

1.พักผ่อนให้เพียงพอ  

การขับรถเดินทางไกล สิ่งสำคัญ คือผู้ขับขี่ควรนอนหลับให้เพียงพอต่อการเดินทาง ควรนอนสะสมให้ครบ 8 ชั่วโมง หรือ 6 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ เพื่อลดการง่วงขณะขับขี่ ที่เป็นสาเหตุของการหลับในนั่นเอง

2.งดเครื่องดื่มและยาที่ทำให้ง่วง

งดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ และยาที่มีฤทธิ์ต่อระบบประสาท บ่อยครั้งที่เราทานยาแก้แพ้จำพวกต่างๆ ด้วยความเคยชิน จนอาจหลงลืมไปบ้างว่า ยาเหล่านั้นส่งผลต่อสมรรถภาพในการขับขี่

3.ถ้าเหนื่อยนักก็พักก่อน

การขับรถติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ คงจะหลีกเลี่ยงอาการเหนื่อยล้า และง่วงนอนไปไม่ได้ ควรหาที่จอดรถแวะพักเข้าห้องน้ำ หรือดื่มน้ำ เติมความสดชื่นให้กับร่างกายที่เหนื่อยล้า ซึ่งอาจจอดพักสักครู่ทุกๆ 2 ชั่วโมง หรือ 110 กิโลเมตร โดยประมาณ ถ้ามีเพื่อนสลับกันขับรถก็เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและดีที่สุด

รู้ทันสัญญาณหลับใน ป้องกันไว้ปลอดภัยตลอดทางสัญญานหลับใน (2)-03
 

นอกจากนี้ ของกินและเครื่องดื่มแก้ง่วง-ป้องกันหลับใน ที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านข้างทางยังช่วยได้ เช่น กาแฟ, น้ำเปล่า, เครื่องดื่มชูกำลัง, ลูกอมหรือหมากฝรั่ง และผลไม้อบแห้ง / รสเปรี้ยว เป็นต้น

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

โดย…น้าเช

อ่านข่าวสารหรือความเคลื่อนไหวในแวดวงนี้ก่อนใครได้ที่นี่

เฟซบุ๊ก : BUS & TRUCK

เว็บไซต์ข่าว : www.BusAndTruckMedia.com

เว็บไซต์งาน : www.BusAndTruckExpo.com

Advertisement