บางครั้งก็เข้าใจได้ว่าหลายท่านที่ทำอาชีพขับรถมายาวนานก็อาจมองข้ามไปบ้าง เพราะคิดว่าตัวเองมีประสบการณ์มากพอ จนไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องพื้นฐานที่พนักงานขับรถควรใส่ใจ ดังนั้น บทความชิ้นนี้เพื่อให้พนักงานขับรถ รวมถึงผู้ประกอบการธุรกิจขนส่งได้ตระหนักถึงการส่งเสริมให้พนักงานคำนึงถึงแนวทางในการขับรถด้วยความระมัดระวัง นึกถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินอยู่ตลอดเวลา BUS & TRUCK หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์กับท่านไม่มากก็น้อย
เตรียมพร้อมก่อนขับขี่
บทความนี้เราจะพูดกันถึงเรื่องการออกกำลังข้อเท้า ผู้ขับขี่ต้องให้ปีกปลายเท้ากับพื้นหรือปักลงไปกับพื้นรถในกรณีที่อยู่บนรถ จากนั้นก็ให้หมุนข้อเท้าแกว่งส้นเท้าเป็นวงกลมสลับการหมุน จากทวนเข็มนาฬิกาเป็นตามเข็มนาฬิกา หมุนสักหนึ่งนาที หรือจะพยายามหมุนทั้งเท้าซ้ายและเท้าขวาเสร็จจากการหมุนข้อเท้า ก็ให้ขยับข้อเท้าโดยเหยียดปลายเท้าออกไปแล้วก็กระดกปลายเท้ากลับเข้ามา ทำเหมือนกับกดปลายเท้าไปที่แป้นคันเร่งแล้วก็ยกปลายเท้าเพื่อผ่อนคันเร่งนั่นเอง
ทำสลับกันไปเรื่อย ๆ ทำทั้งเท้าซ้ายและเท้าขวา ใช้เวลาการทำประมาณหนึ่งนาที ถ้าเป็นไปได้ลองพยายามทำให้ได้วันละสามสี่ครั้ง หรือทำทุกครั้งที่รถติดก็ซึ่งน่าจะใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อขยายบริเวณที่ต้องใช้งานมากๆ ในการขับรถมีความแข็งแรงและพร้อมเสมอที่จะขับรถอย่างมีความปลอดภัยห่างผ่อนคลายจากความเมื่อยล้า
ข้อควรปฏิบัติในระหว่างการขับขี่
ผู้ขับขี่มีหน้าที่ใช้ความระมัดระวังไม่ให้รถไปชนหรือโดนคนเดินเท้าไม่ว่าจะอยู่ส่วนใด รวมทั้งยังต้องเดินรถทางด้านซ้ายและต้องไม่ล้ำกึ่งกลางของทางเดินรถเว้นแต่ด้านซ้ายมีสิ่งกีดขวาง หรือถูกปิดการจราจร หรือทางเดินรถนั้นได้ถูกเจ้าพนักงานกำหนดให้เป็นทางเดินรถทางเดียว
ถ้ามีช่องทางเดินรถทิศทางเดียวกันมีการแบ่งช่องทางเดินรถตั้งแต่สองช่องขึ้นไป ให้เดินรถช่องซ้ายสุด เว้นแต่กรณีที่ให้เดินรถทางขวาได้ หรือช่องทางเดินรถนั้นมีสิ่งกีดขวางหรือถูกปิดการจราจรและทางเดินรถนั้นได้ถูกเจ้าพนักงานกำหนดให้เป็นทางเดินรถทางเดียว ผู้ขับขี่จะต้องเข้าช่องทางให้ถูกต้องเมื่อเข้าบริเวณใกล้ทางร่วมทางแยกหรือเมื่อต้องการจะแซงขึ้นหน้ารถคันอื่น
ขับรถใหญ่ยิ่งต้องให้ความสำคัญ
หากในกรณีขับรถบรรทุก รถโดยสารที่มีคนนั่งมาด้วย มีความเร็วช้าอยู่แล้วผู้ขับขี่จะต้องขับขี่ชิดขอบทางด้านซ้ายหรือช่องทางเดินรถด้านซ้าย ซึ่งถ้าขับรถประเภทเหล่านี้ห้ามผู้ขับขี่ต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่าเอาไว้ให้มาก เช่น ไม่ควรขับในขณะหย่อนความสามารถที่จะขับได้ไม่ว่าจะง่วงหรือป่วยไข้ ในขับขี่ขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น ไม่ขับประมาทหรือน่าหวาดเสียว
มีมารยาทกับเพื่อร่วมถนน
ในกรณีที่ทางเดินรถที่มีเครื่องหมายจราจรให้เป็นทางเดินรถทางเดียว ให้ผู้ขับขี่รถไปตามทิศทางที่ได้กำหนดไว้ ขณะเดียวกันผู้ขับขี่รถต้องขับรถให้ห่างคันหน้าพอสมควรในระยะที่จะหยุดรถได้โดยปลอดภัยเมื่อจำเป็นต้องหยุดรถ เมื่อต้องขับรถสวนกันผู้ขับขี่ต้องชิดซ้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อขับรถสวนกันในทางรถที่แคบไม่สามารถสวนกันไต้อย่างปลอดภัย เราซึ่งเป็นรถคันที่ใหญ่กว่าต้องหยุดให้รถคันเล็กกว่าไปก่อน
ให้สัญญานอย่างปลอดภัย
หากในทางเดินรถที่มีสิ่งกีดกั้นขวางหน้าอยู่ผู้ขับรถต้องลดความเร็วของรถหรือหยุดรถเพื่อให้รถคันที่สวนมาผ่านไปได้ ถ้าผู้ขับขี่รถจะเลี้ยวรถจะให้รถคันอื่นแซงขึ้นหน้าเปลี่ยนช่องทางเดินรถต้องลดความเร็วรถหรือหยุดรถจอดรถ ต้องให้สัญญาณด้วยมือหรือสัญญาณไฟ ทั้งนี้ หากรถจะเลี้ยวรถ เปลี่ยนช่องเดินรถ จอดรถ หรือหยุดรถ ต้องให้สัญญาณมือแทนหรือสัญญาณไฟไม่น้อยกว่า 30 เมตร ซึ่งสัญญาณนั้นจะต้องให้ผู้ขับขี่รถคันอื่นเห็นได้ในระยะไม่น้อยกว่า 60 เมตร
เมื่อต้องขับรถออกจากทางส่วนบุคคล หรือทางเดินรถในบริเวณอาคารเมื่อจะขับรถผ่าน หรือเลี้ยวสู่ทางเดินรถที่ตัดผ่าน ต้องหยุดรถเพื่อให้รถที่กำลังผ่านทางหรือรถที่กำลังแล่นอยู่ในทางเดินรถผ่านไปก่อน เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วจึงขับรถต่อไปได้
หลีกทางให้รถฉุกเฉิน
ในกรณีผู้ขับขี่เห็นรถฉุกเฉินในขณะปฏิบัติหน้าที่ใช้สัญญาณแสงวับวาว หรือได้ยินเสียงสัญญาณไซเรน ต้องหยุดหรือจอดรถให้ชิดขอบทางด้านซ้าย แต่ห้ามหยุดหรือจอดรถในทางร่วม ทางแยกห้ามขับรถตามหลังรถฉุกเฉินซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่ในระยะต่ำกว่า 50 เมตร
สิ่งที่ควรกระทำเมื่อต้องถอยรถ
การขับรถถอยหลัง ต้องให้สัญญานไฟท้ายรถ เมื่อมีรถสวนทางมา ต้องจอดให้รถที่ขับสวนทางผ่านไปก่อน แล้วจึงเริ่มต้นขับถอยหลังต่อไปยังจุดหมาย ทั้งนี้ต้องจอดรถให้เหลือพื้นที่เพียงพอที่จะให้รถอื่นผ่านไปได้ด้วย ขณะเดียวกันถ้าเราเป็นผู้ที่ขับรถไปและเห็นว่ามีรถกำลังถอยหลัง การจอดให้รอคันที่กำลังถอยหลังให้เขาเลี่ยงไปก่อนก็ได้ เป็นสิ่งที่น่ากระทำที่สุด ไม่ควรขับจี้ติดเข้าไปเพราะจะทำให้ผู้ที่กำลังขับรถถอยหลังเกิดความสับสนและลังเล ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย