โดย วณัฐสุข สงวนศิริ
วันเวลาหมุนผ่านเร็วมากอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันปีใหม่ เริ่มอะไรในสิ่งใหม่ ๆ ธรรมชาติของมนุษย์เราก็ควรจะมีความเปลี่ยนแปลงบ้างลดความจำเจ เพียงแต่ความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ก็ควรจะไม่มากไม่น้อยจนเกินไปก็จะเป็นความเปลี่ยนแปลงที่ไม่ก่อให้เกิดทุกข์ ผมเป็นคนหนึ่งที่มีความเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างควรอยู่บนพื้นฐานของความพอดี สำหรับฉบับนี้ก็ขอนำเสนออะไรใหม่ ๆนำเอามาตราต่าง ๆ พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 ที่เกี่ยวข้องกับการขับรถมานำเสนอ โดยคัดลอกมาเฉพาะส่วนที่มีความสำคัญกับการขับขี่รถยนต์ ปฐมฤกษ์ด้วย 6 มาตราครับ
สัญญาณจราจรและเครื่องหมายจราจร
มาตรา 21 ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญาณจราจรและเครื่องหมายจราจรที่ได้ติดตั้งไว้หรือทำให้ปรากฏในทาง หรือที่พนักงานเจ้าหน้าที่แสดงให้ทราบ
มาตรา 22 ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติตามสัญญาณจราจรหรือเครื่องหมายจราจรที่ปรากฏข้างหน้าในกรณีดังต่อไปนี้
(1)สัญญาณจราจรไฟสีเหลืองอำพันให้ผู้ขับขี่เตรียมหยุดรถหลังเส้น ให้รถหยุดเพื่อเตรียมปฏิบัติตามสัญญาณที่จะปรากฏต่อไป
(2)สัญญาณจราจรไฟสีแดง หรือเครื่องหมาจราจรสีแดงที่มีว่า “หยุด” ให้ผู้ขับขี่หยุดรถหลังเส้นให้รถหยุด
(3)สัญญาณจราจรไฟสีเขียว หรือเครื่องหมายจราจรสีเขียวที่มีคำว่า “ไป” ให้ผู้ขับขี่ขับรถต่อไปได้ เว้นแต่จะมีเครื่องหมายจราจรกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น
(4)สัญญาณจราจรไปลูกศรสีเขียวชี้ให้เลี้ยวหรือชี้ให้ตรงไป หรือสัญญาณจราจรไฟสีแดงแสดงพร้อมกับสัญญาณจราจรไฟลูกศรสีเขียวชี้ให้เลี้ยวหรือชี้ให้ตรงไป ให้ผู้ขับขี่เลี้ยวรถหรือขับรถรงไปได้ตามทิศทางที่ลูกศรชี้ และต้องขับรถด้วยความระมัดระวัง และต้องให้สิทธิแก่คนเดินเท้าในทางข้ามหรือรถที่มาทางขวาก่อน
(5)สัญญาณจราจรไฟกระพริบสีแดง ถ้าติดตั้งอยู่ที่ทางร่วมทางแยกใด เปิดทางด้านใดให้ผู้ขับขี่มาทางด้านนั้นหยุดรถหลังเส้นให้รถหยุด เมื่อเห็นว่าปลอดภัยและไม่เป็นการกีดขวางการจราจรแล้วจึงให้ขับรถต่อไปได้ด้วยความระมัดระวัง
(6)สัญญาณจราจรไฟกระพริบสีเหลืองอำพัน ถ้าติดตั้งอยู่ ณ ที่ใด ให้ผู้ขับขี่ลดความเร็วของรถลงและผ่านทางเดินรถนั้นไปด้วยความระมดระวัง
มาตรา 23 ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถในทางเดินรถที่มีสัญญาณจราจรไฟสีเขียวหรือไฟสีแดงติดตังไว้เหนือช่องเดินรถมากกว่าสองช่องขึ้นไป ต้องปฏิบัติดังต่อไปนี้
(1)สัญญาณจราจรไฟสีแดง ที่ทำเป็นรูปกากบาทเฉียงอยู่เหนือช่องเดินรถใด ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถในช่องเดินรถนั้น
(2)สัญญาณจราจรไฟสีเขียว ที่ทำเป็นรูปลูกศรอยู่เหนือช่องเดินรถใด ให้ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถในช่องเดินรถนั้นขับรถผ่านไปได้
การขับรถ
มาตรา 32 ในการใช้ทางเดินรถผู้ขับขี่ต้องใช้ความระมัดระวังไม่ให้รถชน หรือโดนคนเดินเท้าไม่ว่าจะอยู่ ณ ส่วนใดของทางและต้องให้สัญญาณเตือนคนเดินเท้าให้รู้ตัวเมื่อจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เด็ก คนชรา หรือคนพิการที่กำลังใช้ทาง ผู้ขับรถต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการควบคุมรถของตน
มาตรา 33 ในการขับรถ ผู้ขับขี่ต้องขับรถในทางเดินรถด้านซ้ายและต้องไม่ล้ำกึ่งกลางของทางเดินรถ เว้นแต่ในกรณีต่อไปนี้ให้เดินทางขวาหรือล้ำกึ่งกลางของทางเดินรถได้
(1)ด้านซ้ายของทางเดินรถมีสิ่งกีดขวางหรือถูกปิดการจราจร
(2)ทางเดินรถนั้น เจ้าพนักงานจราจรกำหนดให้เป็นทางเดินรถทางเดียว
(3)ทางเดินรถนั้นกว้างไม่ถึงหกเมตร
มาตรา 35 รถบรรทุก รถบรรทุกคนโดยสาร รถจักรยานยนต์ รถที่มีความเร็วช้าหรือรถที่ใช้ความเร็วต่ำกว่าความเร็วของรถคันอื่นที่ขับในทิศทางเดียวกัน ผู้ขับขี่ต้องขับรถให้ใกล้ขอบทางเดินรถด้านซ้ายเท่าที่จะกระทำได้
ก็พอจะเห็นความสำคัญของ พ.ร.บ. จราจรทางบกนะครับว่ามีประโยชน์สำหรับการขับรถอย่างมาก ผมคนหนึ่งที่มีความเชื่อว่าหากเราให้เวลาตัวเองได้ศึกษาเรียนรู้กฎหมายบ้างก็จะช่วยให้ได้แนวทางการขับรถเป็นแนวมาตรฐานนำไปสู่ความปลอดภัย วัตถุประสงค์หลัก ๆ ของกฎหมายก็คือเป็นตัวช่วยให้คนขับปลอดภัยนั่นเอง มองกฎหมายให้เป็นคุณแล้วนำมาใช้ประโยชน์ครับ