เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า โครงการจัดซื้อรถโดยสารประจำทางที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง (NGV) ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จำนวน 489 คัน เรียบร้อยโรงเรียน ช ทวีฯ แล้ว ด้วยราคา 4,221 ล้านบาท อายุสัมปทาน 10 ปี
หลังจากชนะการประมูลแล้ว กลุ่ม ช ทวี ได้เร่งมือในการนำเข้ารถเมล์ NGV เพื่อให้ครบจำนวนตามสัญญา และช่วงเดือนมีนาคม 2561 ที่ผ่านมา ได้นำเข้ามาล็อตแรกแล้ว จำนวน 100 คัน
โดย คุณประยูร ช่วยแก้ว รักษาการผู้อำนวยการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ขณะนี้รถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน จากบริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) ได้ทยอยนำเข้ามาแล้ว ซึ่งทาง ช ทวี นำเข้าตัวถัง เครื่องยนต์ แอร์ปรับอากาศ ชุดเกียร์ และถังก๊าซ หลังจากนั้นทีมวิศวกรเครื่องยนต์ของจีน 25 คน และไทย 66 คน ก็เริ่มดำเนินการประกอบและตรวจสอบตัวรถโดยสาร และจากการตรวจสอบในเบื้องต้นเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดไว้
“ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา ขสมก.เริ่มทยอยนำรถที่ผ่านการรับมอบวิ่งเส้นทางเดินรถ 25 เส้นทาง แบ่งเป็นเขตการเดินรถ เช่น เขตเดินรถที่ 5 อู่แสมดำ 8 เส้นทาง ย่านถนนพระราม 2 ฝั่งธนบุรี เขตเดินรถที่ 3 สมุทรปราการ 4 เส้นทางบนถนนสุขุมวิท ถนนศรีนครินทร์ เขตเดินรถที่ 5 อู่มีนบุรี 4 เส้นทางบนถนนรามคำแหง รามอินทรา เขตการเดินรถที่ 1 จำนวน 9 เส้นทางบนถนนวิภาวดีรังสิต พหลโยธิน โดยจะครอบคลุมเส้นทางวิ่งให้บริการรถจัดพิเศษของท่าอากาศยานจากดอนเมืองเข้าสู่เมืองชั้นในด้วย ทั้งนี้ กระบวนการรับมอบรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน จะครบภายในเดือนมิถุนายน 2561”
ในส่วนของการใช้เชื้อเพลิงเอ็นจีวีนั้น รถแต่ละคันจะมีถังบรรจุเอ็นจีวีรวม 9 ลูก ความจุเนื้อก๊าซลูกละ 100 ลิตร ขณะที่รถเมล์วิ่งให้บริการในกรุงเทพฯ และปริมณฑลจะใช้เชื้อเพลิงเฉลี่ยจากการทดสอบเติมก๊าซ 1 ครั้ง วิ่งได้ 280-290 กม. ดังนั้น รถเอ็นจีวีเหล่านี้แต่ละวันจะเติมก๊าซไม่เกิน 2 ครั้ง โดย ขสมก.มีจุดเติมก๊าซที่เขตการเดินรถที่ 5 และบริษัทเอกชนที่อยู่ตามแนวท่อก๊าซ ซึ่ง ขสมก.ได้ประสานงานกับ บมจ.ปตท.เรียบร้อย
อย่างไรก็ดี ขสมก. มีแผนนำรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน จะมาบรรจุใน 25 เส้นทาง ใน 4 เขตการเดินรถ ประกอบด้วย 1.เขตการเดินรถที่ 1 จำนวน 139 คัน 9 เส้นทาง ได้แก่ สาย 129 บางเขน–สำโรง 17 คัน, 543 บางเขน–ลำลูกกา 10 คัน, A1 ดอนเมือง–บีทีเอสจตุจักร 20 คัน, A2 ดอนเมือง–อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 15 คัน, A3 ดอนเมืองสวนลุมพินี 10 คัน, A4 ดอนเมือง–สนามหลวง 10 คัน, 59 รังสิต–สนามหลวง 9 คัน, 522 รังสิต–อนุสาวรีย์ชัยฯ 10 คัน และ 510 มธ.ศูนย์รังสิต–อนุสาวรีย์ชัยฯ 38 คัน
2.เขตการเดินรถที่ 2 จำนวน 110 คัน 4 เส้นทาง ได้แก่ สาย 26 มีนบุรี–อนุสาวรีย์ชัยฯ 20 คัน, 514 มีนบุรี–รัชดา–สีลม 30 คัน, 60 สวนสยาม–ปากคลองตลาด 30 คัน และ 168 สวนสยาม–ถ.พระราม 9-อนุสาวรีย์ชัยฯ 30 คัน
3.เขตการเดินรถที่ 3 จำนวน 110 คัน 4 เส้นทาง ได้แก่ สาย 102 ปากน้ำ–อู่สาธุประดิษฐ์ 10 คัน, 142 ปากน้ำ–อู่แสมดำ 30 คัน, 511 ปากน้ำ–สายใต้ใหม่ 40 คัน และ 145 ปากน้ำ–หมอชิต 2 30 คัน
และ 4.เขตการเดินรถที่ 5 จำนวน 130 คัน 8 เส้นทาง ได้แก่ สาย 20 ป้อมพระจุล–ท่าน้ำดินแดง 15 คัน, 21 วัดคู่สร้าง–จุฬาฯ 10 คัน, 37 แจงร้อน–มหานาค 14 คัน, 138 พระประแดง–หมอชิต 2 จำนวน 25 คัน, 76 แสมดำ–ประตูน้ำ 10 คัน, 105 มหาชัยเมืองใหม่–คลองสาน 16 คัน, 140 แสมดำ–อนุสาวรีย์ชัยฯ 30 คัน และสาย 141 แสมดำ–จุฬาฯ 10 คัน
ด้าน คุณกริน ชยวิสุทธิ์ ผู้จัดการโครงการบริษัท ช ทวีฯ กล่าวว่า รถเมล์เอ็นจีวีนำเข้าจากประเทศจีนยี่ห้อ BLK เครื่องยนต์ 250 แรงม้า (184กิโลวัตต์) มีที่นั่ง 35คน ยืน 25-45 คน รวม 60-80 คน มีสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ กล้องวงจรปิดภายในรถ 5 ตัว อุปกรณ์ไม่ติดไฟให้ลุกลาม มีทางขึ้นลงรถเมล์มีระดับเดียวกับพื้นฟุทบาธ เมื่อนำไปเทียบฟุทบาธรถวีลแชร์สามารถเข็นขึ้นได้ทันทีไม่ต้องใช้ทางลาดช่วย มีระบบแอร์ที่เย็นมาก รวมทั้งเครื่องล่างมีระบบถุงลมทำให้นิ่ม เวลารถตกหลุมจะไม่สะเทือน ตลอดจนที่นั่งกว้างและเบาะนั่งสบาย
โดย…สวนเลน